วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ทัวร์เกาหลีพาเยี่ยมชมศูนย์สมุนไพร

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่เป็นจุดสนใจของทัวร์เกาหลี คือ การพานักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมศูนย์สมุนไพรที่มีชื่อเสียงของประเทศเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นศูนย์โสม ศูนย์น้ำมันสนเข็มแดง พิพิธภัณฑ์สาหร่าย นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบสมุนไพรคงถูกใจและไม่พลาดโปรแกรมนี้อย่างแน่นอน

คณะทัวร์เกาหลีมาถึง ศูนย์น้ำมันสนเข็มแดง จะมีวิทยากรพานักท่องเที่ยวเข้าไปชมและบรรยายให้ฟังตั้งแต่การปลูกสน การเจริญเติบโตที่ต้องใช้พื้นที่สูงบนภูเขา การผลิตต้องใช้ใบสนเข็มแดงจากต้นสนเข็มแดงของประเทศเกาหลีเหนือ กว่าจะได้ 1 แคปซูล ต้องใช้ใบสนเข็มแดงถึง 2.7 กิโลกรัม จากการค้นคว้าและวิจัยมาอย่างยาวนาน น้ำมันสนเข็มแดงสามารถรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขข้อเสื่อม โรคสมรรถภาพทางเพศเสื่อมได้ จากนั้น ทางวิทยากรก็ได้ทดลองการทำงานของน้ำมันสนเข็มแดง โดยการเอาแก้วใสใส่น้ำบริสุทธิ์ลงไปในแก้ว น้ำเปรียบเสมือนเลือดที่บริสุทธิ์ แล้วใส่น้ำมันสนเข็มแดงลงไปหนึ่งแคปซูล นำโฟมที่เปรียบเหมือนไขมันต่างๆที่อุดตันในเลือดและน้ำตาลในเลือด ปรากฎว่าเม็ดโฟมจะค่อยๆ ละลายหายไปจนหมด แสดงให้เห็นว่า น้ำมันสนเข็มแดงสามารถละลายไขมันในเส้นเลือดได้เหมือนดีท็อกซ์เส้นเลือด สารพิษจะถูกขับออกจากเส้นเลือดทางเหงื่อ ทางปัสสาวะ และอุจจาระ วิทยากรอธิยบายว่า หลอดเลือดมีลักษณะต่างๆ เช่น หงิกงอ ผนังเลือดหนา เกิดจากในเลือดมีคลอเรสเตอรอลและสารเคมีตกค้าง มีน้ำตาลในเลือดสูง เมื่อทดลองเสร็จ ทางศูนย์จะมีเครื่องมือตรวจเลือด โดยตรวจให้คณะทัวร์เกาหลีทุกคน เมื่อตรวจแล้วใครมีเส้นเลือดที่ไม่สวยงามก็สามารถซื้อไปทดลองทานได้ เพราะน้ำมันสนเข็มแดงได้ผ่านการตรวจสอบจากองค์กรอาหารและยาของเกาหลีแล้วว่า ไม่มีสารที่ทำอันตรายต่อร่างกาย ก่อนขึ้นรถไปต่อที่ศูนย์โสมเห็นหิ้วกันคนละหลายกล่องเลยทีเดียว

ศูนย์น้ำมันสนเข็มแดง (ถ่ายรูปได้เฉพาะภายนอก)
สนเข็มแดง (ถ่ายรูปได้เฉพาะภายนอก)

เดินทางต่อไปที่ ศูนย์โสม ก็มีวิทยากรมาต้อนรับแล้วพาคณะทัวร์เกาหลีเข้าไปชม ข้างในมีโสมโชว์ไว้หลายแบบ วิทยากรได้บรรบายให้ฟังว่า โสมมีหลากหลายชนิด มีทั้งโสมที่ขึ้นเองตามธรรมชาติในป่าและโสมที่มนุษย์ปลูก รากโสมมีลักษณะคล้ายกับร่างกายคน ตามตำราจีนบอกไว้ว่า โสมถ้ายิ่งคล้ายคนมากที่สุดจะเป็นโสมที่มีคุณค่ามากและราคาแพง โสมป่าจะมีประโยชน์มากกว่าโสมที่ปลูก เหตุนี้ทำให้ชาวบ้านพูดกันว่า โสมป่าตามธรรมชาติมีค่าดังทองคำ ในปัจจุบันโสมป่าจะหายากมาก ชาวเกาหลีจึงนิยมทำแปลงปลูกโสมบริเวณเชิงเขาโดยใช้เมล็ดเพาะใช้เวลาในการปลูก 6 ปี เมื่อเก็บโสมแล้วที่ดินตรงนั้นไม่สามารถใช้ปลูกโสมได้อีกต้องรอถึง 15 ปี เพื่อรอให้ดินมีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์จึงจะปลูกครั้งต่อไปได้ โสม 6 ปี เป็นโสมที่มีคุณภาพดีเป็นที่นิยมมากของชาวเกาหลีเพราะเชื่อว่าสามารถทำให้อวัยวะภายในร่างกายแข็งแรง บำรุงกระเพาะอาหาร บำรุงหัวใจ บำรุงผิวพรรณ ช่วยผ่อนคลายประสาท ทำให้แข็งแรง คณะทัวร์เกาหลีท่านใดต้องการซื้อไปรับประทานก็ซื้อจากศูนย์ได้เลย

ศูนย์โสม (ถ่ายรูปได้เฉพาะภายนอก)

พิพิธภัณฑ์สาหร่าย มาถึงก็เข้าชมกันเลย ชมประวัติความเป็นมาและความผูกพันที่ชาวเกาหลีมีต่อสาหร่าย ชมขั้นตอนในการทำสาหร่าย แล้วก็ชิมสาหร่ายหลากรสชาตที่เสร็จใหม่ๆ ใครต้องการซื้อเป็นของฝาก ที่นี่มีโปรโมชั่น ซื้อ 10 แถม 1 ดูเหมือนทุกคนจะจัดเต็ม เพราะชิมแล้วถูกใจทุกรสชาติ

พิพิธภัณฑ์สาหร่าย

ประโยชน์ของสาหร่าย

จำลองการผลิตสาหร่าย

จุดจำหน่ายสาหร่ายหลากหลายรสชาติ

มาลองชิมสาหร่ายกัน

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

ไปทัวร์ญี่ปุ่นได้อะไรบ้าง

จุดประสงค์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ญี่ปุ่นมีอะไรมากมายให้เราค้นหา แต่ละคนก็ไขว่คว้าหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงสิ่งแรกก็คงมองไปที่เครื่องสำอางหรือไม่ก็เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับต่างๆ บางคนมาญี่ปุ่นต้องการหาประสบการณ์ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ อย่างเต็มรูปแบบ จากประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่ได้ไปทัวร์ญี่ปุ่นมา ขอเล่าคร่าวๆ ว่าได้อะไรบ้างจากประเทศญี่ปุ่น

ถึงสนามบินนานาชาติ นาริตะ จ.ชิบะ ประเทศญี่ปุ่น เตรียมตัวเที่ยวทันที มีเวลาเที่ยว 6 วัน ช่วงที่ไปเที่ยวเริ่มเข้าฤดูหนาว อากาศค่อนข้างเย็นอยู่ที่ 12 องศา เดินทางสู่เมืองโตเกียว เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่นมุ่งหน้าไปยัง วัดอาซากุซะ เพื่อนมัสการสักการะขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมองค์ทองคำ ด้านข้างของวัดจะมีเครื่องรางของขลังไว้จำหน่าย ส่วนด้านหน้า มีร้านค้ามากมายให้เดินช็อปปิ้งกัน มีร้านขนมสไตล์ญี่ปุ่นให้เลือกชิมตามอัธยาศัย ที่นี่มีซาลาเปาทอดอร่อยมาก วัดแห่งนี้จำง่ายๆ มีโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแขวนไว้หน้าวัด 

วัดอาซากุซะ


ช่วงบ่ายไปชมตึก TOKYO METROPOLITAN GOVERNMENT BUILDING ซึ่งเคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในกรุงโตเกียว แต่ถูกทำลายสถิติโดยอาคารโตเกียวมิดทาวน์ ไกด์ได้พาขึ้นไปชมวิวบนชั้น 41 จะมองเห็นทัศนียภาพของกรุงโตเกียวได้อย่างสวยงาม 

วิวบนตึก


จากนั้น คณะทัวร์ญี่ปุ่นทุกท่านเตรียมตัวช็อปปิ้งที่ ย่านชินจูกุ แหล่งช็อปปิ้งชื่อดังที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วทั่วไป เป็นย่านที่มีของขายมากมายมีทั้งของกิน ของใช้ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ร้านขายเครื่องสำอาง   เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องประดับ ร้านขายของราคาถูกทุกอย่าง 100 เยน และร้านอาหาร มาถึงญี่ปุ่นแล้วต้องหาบะหมี่ราเม็งทานกัน 

ชินจูกุ


หลังจากช็อปปิ้งเรียบร้อยแล้ว วันต่อมาไปเที่ยวแบบธรรมชาติ สถานที่แรกคือ หุบเขาโอวาคุดานิ หรือหุบเขานรก เป็นที่ขึ้นชื่อลือชามากในเรื่องของไข่ดำ ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า ถ้าใครได้กินไข่ดำจากหุบเขาแห่งนี้ จะทำให้อายุยืนยาวขึ้น 7 ปี บริเวณรอบๆ จะมีควันพวยพุ่งขึ้นมาตลอดเวลา เดินชมบ่อน้ำร้อนกำมะถันที่ใช้ต้มไข่จนกลายเป็นสีดำ เมื่อขึ้นไปอยู่บนหุบเขาจะมองเห็นทิวทัศน์อันงดงาม สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ในวันฟ้าเปิด 

หุบเขาโอวาคุดานิ


ได้เวลาไปชม ภูเขาไฟฟูจิ ในระยะใกล้ เป็นภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก มีสัดส่วนสวยงามที่สุดในโลก มีทั้งหมด 10 ชั้น แต่เจ้าหน้าที่จะให้คณะทัวร์ญี่ปุ่นขึ้นไปแค่ชั้นที่ 5 เท่านั้น วันที่ไปโชคไม่ดีฝนตกขึ้นไปได้แค่ชั้นที่ 1 เจ้าหน้าที่ปิดถนนไม่ให้ขึ้นไปเพราะมีหิมะ ถนนลื่น ชั้นที่ 1 มองไม่ค่อยเห็นภูเขาไฟฟูจิ พลาดจากการชมพูเขาไฟฟูจิ ไกด์ก็เลยพาไปช็อปปิ้งที่ โกเท็มบะ พรีเมี่ยม เอ้าท์เลต เป็นสถานที่ช็อปปิ้งที่รวบรวมสินค้าแบนด์เนมระดับโลกมารวมไว้ที่นี่ มาถึงไฮไลท์ของการมาทัวร์ญี่ปุ่น คือการอาบน้ำแร่หรือออนเซ็น ที่คนญี่ปุ่นนิยมมากเพราะเชื่อว่า น้ำแร่ธรรมชาติมีส่วนช่วยเรื่องโรคภัยไข้เจ็บและทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง

ทางขึ้นภูเขาไฟฟูจิ


เช้าวันใหม่วันนี้ ไปชมบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ชื่อว่า โอชิโนะฮัคไค เป็นบ่อน้ำที่เกิดจากการละลายของหิมะบนภูเขาไฟฟุจิที่ใช้เวลานามมากในการไหลลงมาสู่พื้นดินและซึมซับลงมายังบ่อน้ำ ทำให้น้ำในบ่อใสสะอาด ชาวญี่ปุ่นจึงเชื่อกันว่า บ่อน้ำแห่งนี้เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สามารถดื่มได้เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง


โอชิโนะฮัคไค


ดื่มน้ำอธิษฐานกันเรียบร้อยแล้วไปชม ทะเลสาบ ฮามานะ เป็นทะเลสาบที่สวยงามและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาไหลที่นี่มีพายปลาไหลที่ขึ้นชื่อสำหรับซื้อเป็นของฝาก เดินทางต่อไปยังเมือง นาโกย่า ช่วงนี้เป็นช่วงอิสระในการเดินช็อปปิ้งที่ห้าง จัสโก้ อิออน ใครต้องการซื้อขนมเป็นของฝากก็ซื้อกันได้ เช่น คิทแคทรสชาเขียว ช็อคโกแลคกลิ่นชาเขียว โตเกียวบานาน่า ถั่วเคลือบวาซาบิ ฯลฯ ช็อปปิ้งกันจนค่ำ กลับที่พักเตรียมตัวเที่ยวในวันรุ่งขึ้น


ทะเลสาบฮามานะ


วันนี้เดินทางไปเมือง เกียวโต เพื่อขึ้นไปบนเนินเขา ฮิงาซิยาม่า ชมความงามของ วัดคิโยมิสึ หรือวัดน้ำใส วัดนี้จุดเด่นอยู่ที่ใช้ท่อนไม้กว่า 100 ต้น มาขัดสานกันขึ้นเป็นโครงเพื่อสร้างระเบียงยื่นออกมานอกตัวอาคารกลางหุบเขาโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ดอกเดียว เพื่อเป็นจุดชมวิว สามารถมองเห็นตัวเมืองเกียวโตได้อย่างสวยงาม ด้านล่างจะมีน้ำศักดิ์สิทธิ์ 3 สายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นมายืนเข้าแถวเพื่อดื่มน้ำเป็นจำนวนมาก ความหมายของแม่น้ำ 3 สาย มีดังนี้
  • สายที่ 1 ดื่มแล้วจะเจริญรุ่งเรืองด้วยทรัพย์สินเงินทอง
  • สายที่ 2 ดื่มแล้วมีเสน่ห์ สุขภาพแข็งแรง
  • สายที่ 3 ดื่มแล้วมีสติปัญญาดี
วัดคิโยมิสึ


เมื่อรู้ความหมายแล้ว ใครจะดื่มน้ำจากสายไหนก็เลือกดื่มตาปรารถนา บางท่านดื่มทั้ง 3 สายเลย หลังจากนั้นไปชม ศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว เดินไปสัมผัสกับซุ้มประตูญี่ปุ่นโบราณ โทริอิ  มีไม้โทริสีแดงส้มทำเป็นซุ้มประตูอย่างสวยงาม จุดนี้ถือเป็นจุดหนึ่งที่ทุกคนต้องหยุดถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก 


ศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว


เดินทางต่อไปยังโอซาก้าที่มีแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ เป็นที่นิยมของทัวร์ญี่ปุ่น ชื่อว่า ชินไซบาชิ ที่มีห้างดัง 2 ห้าง รวมอยูที่นี่ด้วย คือ ห้างไดมารู และห้าง โซโก้ ระหว่างเส้นทางเดินช็อปปิ้งมีหลังคาสูงโปร่งเพื่อกันแดดกันฝนให้เราเดินซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย มีร้านค้าที่น่าสนใจมากมาย ตั้งแต่ร้านแบนด์เนมจนถึงร้านกิ๊ฟช้อปน่ารักๆ หลายร้าน นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารที่มีชื่อเสียง ร้านขนมแปลกๆ ใส่ในแพ็คเกจน่ารักๆ เห็นแล้วอดซื้อไม่ได้ เที่ยวมาจนครบ 5 วัน วันรุ่งขึ้นต้องกลับเมืองไทยแล้ว


ชินไซบาชิ


การมาทัวร์ญี่ปุ่นครั้งนี้ได้อะไรหลายอย่าง ได้เห็นการดำเนินชีวิตของคนญี่ปุ่นในแต่ละวัน คนญี่ปุ่นชอบเดินไปทำงานในช่วงเช้า เดินกันเร็วมาก ถ้าเป็นผู้หญิงจะใส่รองเท้าส้นสูงแต่ก็เดินเร็วมาก ญี่ปุ่นยังมีวัฒนธรรม อารยธรรมที่สวยงาม เป็นระเบียบ ถึงจะเร่งรีบก็ยังเคารพกฎกติกาของสังคม ได้รู้จักสถานที่สำคัญๆหลายแห่ง ได้เห็นธรรมชาติอันมีเสน่ห์ที่มิอาจลืม ที่แน่ๆได้ของฝากมากมาย สบายใจเมื่อกลับมาถึงเมืองไทย

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ทัวร์เวียดนามพาชมสุสานโฮจิมินห์

สุสานโฮจิมินห์ หรือสุสานลุงโฮ อยู่ที่บริเวณจัตุรัสบาดิงห์ ได้ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1973 -1975 เป็นอาคารที่สร้างขึ้นด้วย หินแกรนิต หินอ่อน และไม้ที่มีค่าจากทั่วประเทศ รอบๆ สุสานมีทหารกองเกียรติยศ แต่งกายเต็มยศด้วยชุดสีขาวยืนรักษาการณ์อยู่ตลอดเวลา ผู้ที่จะเข้าไปเคารพศพจะต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อย สำรวมกิริยา กล้องถ่ายรูปให้ฝากไว้กับเจ้าหน้าที่หรือฝากไว้ที่หัวหน้าทัวร์เวียดนาม เพราะข้างในห้ามถ่ายรูป ก่อนที่จะเข้าไปเคารพศพลุงโฮต้องยืนเข้าคิวยาวเหยียด แต่ไกด์ทัวร์เวียดนามพาเข้าช่องทางพิเศษ จะเร็วกว่าไม่ต้องยืนรอเกือบ 2 ชั่วโมง แต่ต้องถ่ายรูปหมู่ที่หน้าอาคารสุสานเสียค่ารูปใบละ 100 บาท 


สุสานโฮจิมินห์

สุสานโฮจิมินห์

การเดินเข้าไปภายในอาคาร กระเป๋าถือให้สะพายไว้ด้านซ้าย เข้าประตูตรวจกระเป๋าและวัตถุอันตราย เดินตามกันไปเป็นแถวเรียงหนึ่งเป็นเส้นทางเดินที่ได้จัดไว้ให้ เป็นทางเดินแคบๆ เดินไปยังห้องโถงใหญ่ กลางห้องจะมีแท่นหินใหญ่ตั้งโลงแก้ว ภายในโลงแก้วบรรจุร่างของประธานาธิบดีโฮจิมินห์หรือลุงโฮ มองดูเหมือนนอนหลับเฉยๆ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เห็นแล้วขนลุก ทำความเคารพเสร็จเดินออกอีกทางหนึ่ง ไม่ให้เดินย้อนกลับ

ศพของท่านลุงโฮได้มีการรักษาไว้ให้อยู่ในสภาพเดิมโดยทางการแพทย์ของประเทศรัสเซีย จะปิดทำการเป็นเวลา 2 เดือน คือ เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน เพื่อนำร่างลุงโฮไปทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำยาที่ประเทศรัสเซีย ไกด์ทัวร์เวียดนามเล่าว่า คนเวียดนามนับถือลุงโฮเป็นอย่างมาก เพราะท่านเป็นรัฐบุรุษของประเทศที่ทำความดีงามให้กับประเทศมาตลอดชีวิต

เสร็จจากเคารพศพลุงโฮ คณะทัวร์เวียดนามก็เดินชม ธรรมเนียบเหลือง ที่เคยเป็นที่ทำงานของผู้สำเร็จราชการชาวฝรั่งเศสและเป็นที่ทำงานของประธานาธิบดี ปัจจุบันเป็นสถานที่ไว้รับแขกบ้านแขกเมือง รอบอาคารมีสระน้ำและสวนดอกไม้ ดูสวยงามโดดเด่นตระการตา ส่วนด้านหลังของของธรรมเนียบ มีบ้านพักของลุงโฮเป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ ที่เอาแบบมาจากเมืองไทยเมื่อสมัยที่ได้มาอยู่เมืองไทยและใช้เป็นที่อยู่อาศัยจนวาระสุดท้าย

ธรรมเนียบเหลือง

บ้านพักของลุงโฮ

ใกล้ๆ กับบ้านลุงโฮ จะมี เจดีย์เสาเดียว ที่เป็นวัดเก่าแก่ สร้างโดยใช้เสาขนาดใหญ่ต้นเดียวอยู่กลางสระบัวรูปสี่เหลี่ยม มีเจ้าแม่กวนอินประดิษฐานอยู่ เป็นวัดที่ชาวเวียดนามนับถือมากแห่งหนึ่ง จากเจดีย์เสาเดียวไกด์ทัวร์เวียดนามพาชม พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน เป็นอาคารขนาดใหญ่ ภายในมีการจัดนิทรรศการมากมายในสมัยสงคราม มีภาพขาวดำเก่าๆ และชีวิตความเป็นอยู่สมัยเป็นประธานาธิบดีของลุงโฮ พร้อมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับการสู้รบในสมัยสงครามเวียดนาม ท้ายที่สุด การได้มาเยี่ยมชมสุสานโฮจิมินห์ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่ได้มาเคารพบุคคลสำคัญของประเทศเวียดนาม

เจดีย์เสาเดียว

พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ทัวร์ญี่ปุ่นพาชมวัดคิโยมิสี (Kiyomizu Temple)

มาถึงเกียวโตที่ขาดไม่ได้คือ การเยี่ยมชม "วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu Temple) หรือวัดน้ำใส" ทัวร์ญี่ปุ่นพามาถึงวัดซึ่งอยู่บนเนินเขา ฮิงายามา ถนนทางเดินขึ้นสู่วัด มีชื่อเรียกว่า "ถนนสายกาน้ำชา" ต้องเดินขึ้นไปบนเนินเขาอีกประมาณ 500 เมตร ดูเหมือนจะไกล แต่ก็ไม่น่าเบื่อ เพราะทางเดินขึ้นวัดเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก ตุ๊กตา ร่ม รองเท้าแตะญี่ปุ่น พัดต่างๆ ชุดกิโมโน ชาเขียว และขนมชนิดต่างๆ ที่หน้าร้านจะมีให้ชิมก่อนตัดสินใจซื้อ เครื่องรางหลากหลายชนิด บรรยากาศคึกคักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น เดินชมไปเพลินๆ ไปชมวัดกันก่อนแล้วค่อยกลับลงมาช็อปปิ้ง

ถนนสายกาน้ำชา

ร้านค้าขายของฝาก

เมื่อมาถึงวัด ก่อนเข้าไปชมต้องซื้อตั๋วก่อน ราคาผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 200 เยน ประตูวัดมีสีส้มสดใส สิ่งแรกที่เห็นคือ เจดีย์ 3 ชั้น หลังใหญ่ตั้งตระหว่านอยู่ เจดีย์หลังนี้มีชื่อว่า "ชันจุโนโตะ" ด้านในมีพระโพธิสัตว์ประดิษฐานอยู่ วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่สร้างตั้งแต่ พ.ศ.1321 จุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่ ศาลาหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่บนไหล่เขาด้วยเสาไม้ต้นใหญ่หลายต้น สามารถมองเห็นเมืองเกียวโตได้อย่างชัดเจน

ประตูหน้าวัด

วัดคิโยมิสึ

วัดคิโยมิสึ เป็นสถานที่สำคัญที่เป็นจุดเด่นของทริปทัวร์ญี่ปุ่น คือ วิหารที่มีระเบียงไม้ขนาดใหญ่ สูงถึง 13 เมตร ยื่นออกมานอกอาคารมีเสาไม้ 139 ต้น รองรับตัวอาคาร โดยใช้สลักยึดอาคาร ไม่ใช้ตะปูแม้แต่ดอกเดียว สำหรับใครที่ต้องการขอเรื่องความรักให้ไปขอพรที่ศาลเจ้าจิชุ ที่อยู่ใกล้ๆ กัน เป็นศาลเจ้าแห่งความรัก เชื่อกันว่าถ้าใครได้มาสักการะจะทำให้ความรักสมหวัง ราบรื่น ไม่มีอุปสรรค ส่วนด้านล่างของวิหาร จะมีนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น เป็นจำนวนมากยืนเข้าคิวเพื่อรอดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำสามสายที่ไหลลงมาจากยอดเขานานนับพันปี ทำให้น้ำมีความใสสะอาดจึงเป็นที่มาของชื่อวัดน้ำใส ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าใครได้ดื่มน้ำจาก
  • แม่น้ำสายที 1 จะประสบความสำเร็จในด้านการศึกษา
  • แม่น้ำสายที่ 2 จะประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก
  • แม่น้ำสายที่ 3 จะทำให้สุขภาพแข็งแรง
ระหว่างทางที่เดินไปน้ำศักดิ์สิทธิ์

ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเดินเข้าแถวเข้าไปยังศาลาไม้เล็กๆ ที่มีน้ำไหลลงมาสามทาง ให้เดินไปหยิบกระบวยที่วางไว้ในช่องฆ่าเชื้อแสงอุลตราไวโอเลต ใครจะเลือกดื่มน้ำจากสายไหนก็ได้ หรือจะดื่มทั้งสามสายเลยก็ไม่เป็นไร

วัดคิโยมิสึ เป็นโบราณสถานที่ได้รับการดูแลจากภาครัฐและชาวญี่ปุ่น ทำให้สภาพวัดยังคงความเก่าแก่และสมบูรณ์ยิ่ง มีการปรับปรุงให้คงสภาพเดิมได้อย่างสวยงาม ทำให้องค์การยูเนสโก ยกย่องให้เป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น วัดแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองเกียวโตที่มีทัวร์ญี่ปุ่นมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก  

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558

ทัวร์เวียดนามพาเที่ยวเมืองดาลัด

ดาลัด (Dalat) เป็นเมืองท่องเที่ยวอยู่ในจังหวัดลามดงทางตอนใต้ส่วนบนของประเทศเวียดนาม แม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่เสน่ห์ของเมืองนี้มากมายเหลือล้น เนื่องจากตั้งอยู่บนที่ราบสูงเต็มไปด้วยสวนและทะเล โอบล้อมไปด้วยทิวเขาและป่าไม้ นับว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่โรแมนติก เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่ต้องการมาฮันนีมูน เพราะมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ทำให้เมืองนี้มีทัวร์เวียดนามนำนักท่องเที่ยวมาสัมผัสเป็นจำนวนมาก สถานที่ท่องเที่ยวมีหลายแห่ง เช่น

น้ำตกดาตันลา (Datanla  Watarfall) เป็นน้ำตกที่มีหลายชั้น ทำให้ดูสวยงามตามธรรมชาติ ถึงแม้จะเป็นน้ำตกเล็กๆ แต่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้นั่งรถรางลงไปยังน้ำตกผ่านทิวเขาและดงดอกไม้ โดยคิดค่าบริการ 60 บาท ทั้งไปทั้งกลับ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของทริปทัวร์เวียดนาม



น้ำตกฟงกัว (Pongour Falls) เป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในเมืองดาลัด มีความสูงประมาณ 30 เมตร กว้าง 100 เมตร  ตัวน้ำตกจะไหลลงมาเป็นขั้นบันไดอย่างสวยงาม ท่านใดมีโอกาสไปทัวร์เวียดนามต้องได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ที่สวยเทียบเท่าน้ำตกในยุโรปเลยทีเดียว



สวนดอกไม้เมืองหนาว (Dalat Flower Gardens) สร้างขึ้นเมื่อปี 2509 อยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบ ชวนเฮือง  เมืองดาลัดได้ชื่อว่า เป็นเมืองแห่งดอกไม้ที่บานสะพรั่งตลอดทั้งปี สวนดอกไม้แห่งนี้มีทั้ง ไม้ดอก ไม้ประดับ และกล้วยไม้พันธุ์ต่างๆทำให้มีสีสันสวยงาม นักท่องเที่ยวทัวร์เวียดนามส่วนใหญ่จะมาแวะชมและเก็บภาพสวยๆไว้เป็นที่ระลึก



เจดีย์มังกร (Linh Phuoc Pagoda) เป็นวัดพุทธนิกายเซน จุดเด่นของเจดีย์ คือ ตกแต่งด้วยศิลปะจากเซรามิค วิหารด้านในสวยงามด้วยเซรามิคหลากหลายสี มีหอระฆังที่สูงที่สุดในเวียดนาม ผนังด้านบนมีภาพกิจกรรมฝาผนังเขียนพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า ตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน



เครซี่เฮ้าส์ (Crazy House) เป็นสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งไม่เหมือนใคร ดูภาพรวมคล้ายต้นไม้ยักษ์ในป่าใหญ่ ประกอบไปด้วยห้องขนาดเล็กกว่า 10 ห้องแต่ละห้องออกแบบแตกต่างกันไปรูปทรงแปลกประหลาดคล้ายดินแดนมหัศจรรย์ ทัวร์เวียดนามนิยมพานักท่องเที่ยวมาชมและถ่ายรูปสถาปัตยกรรมแปลกประหลาดเก็บไว้



พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิบ่าวได่ (Bao Dai 's Summer Palace) เป็นพระตำหนักของจักรพรรดิบ่าวได่ จักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนาม ภายในมีข้าวของเครื่องใช้และภาพถ่ายของพระเจ้าบ่าวได่ พระมเหสี พระโอรสและพระธิดา



ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่รอท่านไปสัมผัสกับธรรมชาติอันงดงาม หลายคนมาเที่ยวดาลัดแล้วบอกว่าเหมือนได้ไปเที่ยวในยุโรปเลย เพราะส่วนใหญ่เมืองดาลัด มีการปลูกสร้างบ้านเรือนไปตามเชิงเขา โดยสร้างตามสไตล์ฝรั่งเศส ฉะนั้นคนที่ยังตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวดีมัย ขอแนะนำเลยว่า ไปเถอะคุ้มจริงๆ 


Cr. wikimedia.org, tripadvisor.co.uk, dalat-info.vn, vietnamvisa-easy.com

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ทัวร์ญี่ปุ่นแนะนำโนโบริเบ็ตสึ เมืองหุบเขานรก

ถ้าท่านกำลังหาสถานที่ท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น ขอแนะนำว่า ลองไปที่ เมืองโนโบริเบ็ตสึ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นทั้งกายและใจ เพราะเมื่อท่านมาถึงตัวเมืองท่านจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นของกำมะถันที่อบอวนมากับไอน้ำอุ่นๆ ที่พวยพุ่งมาจากบ่อน้ำร้อน ท่านจะสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่ตื่นตาตื่นใจภายในเมืองโนโบริเบ็ตสึ



เมืองโนโบริเบ็ตสึ (Noboribetsu) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซัปโปโร อยู่ระหว่างเส้นทางรถไฟเมืองซัปโปโร ถึง ฮาโกดาเตะ โนโบริเบ็ตสึเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรทั้งเมืองไม่กี่หมื่นคน แต่เป็นที่ยอมรับของนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นว่า เป็นรีสอร์ทสถานตากอากาศที่มีบ่อน้ำร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุด จุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของเมืองคือ "หุบเขาจิโกคุดานิ" (Jigokudani Valley) หรือที่นิยมเรียกกันว่า หุบเขานรก หรือ หุบเขาอเวจี

หุบเขาจิโกคุดานิ

มนต์เสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นต้องแวะเยี่ยมชมเมืองนี้เพราะเป็นแหล่งออนเซ็นชั้นเลิศนั่นเอง ด้วยแร่จากหุบเขานรกจิโกคุดานิและจากพื้นที่โดยรอบสามารถรักษาอาการจากโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นมักจะแวะพักที่นี่ก่อนที่จะไปเมืองซัปโปโร เพราะเป็นทางผ่านเข้าเมืองซัปโปโรหรือเมืองฮาโกดาเตะ หากนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง เพื่อให้มีเวลาแช่น้ำแร่อย่างใกล้ชิด ก็ควรจะพักค้างคืน เพื่อแช่น้ำแร่อย่างเต็มที่ร่างกายจะได้หายเมื่อยล้า โลหิตหมุนเวียนดี ทำให้สดชื่นเพื่อเตรียมตัวเที่ยววันต่อไป



นอกจากออนเซ็นแล้ว บริเวณรอบๆ หุบเขานรกจิโกตุดานิ ยังมีทิวทัศน์ของธรรมชาติที่สวยงาม รายล้อมด้วยภูเขาและควันที่พวงพุ่งดูคล้ายหมอก ทำให้สถานที่แห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก หากท่านจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นไม่ควรพลาดโอกาสประสบการท่องเที่ยวกับสถานที่แห่งนี้

Cr.  wikimedia.org, alljapantours.com, .zimbio.com