วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ทัวร์เกาหลีแนะนำ 2 วัดที่ต้องไป

ประเทศเกาหลีใต้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแห่ง สถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ เที่ยวแบบค้นคว้าศึกษาทางประวัติศาตร์ หรือไม่ก็ไปล่องเรือ แต่ถ้าเป็นสุภาพสตรีจุดประสงค์ใหญ่ คือ การได้มาช็อปปิ้ง หรือเป็นผู้สูงวัยก็จะไปไหว้พระตามวัดต่างๆ และที่เกาหลีมีวัดอยู่ 2 แห่ง ที่อาจจะยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวสนใจมากนัก แต่คนเกาหลีนับถือมาก ลองตามมาดูกัน

1.วัดมาก๊กซา (Magoksa Temple) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ส่วนกลางของเกาหลีใต้ เป็นวัดเก่าแก่อยู่ริมแม่น้ำ แทกึก สร้างขึ้นเมื่อ ..643 โดย Jajan ซึ่งเป็นพระสงค์ในสมัยอาณาจักรซิลล่า เป็นการรวบรวมเอาสถาปัตยกรรมผสมผสานหลายอาณาจักรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นวัดที่ทัวร์เกาหลีให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จัก ภายในวัดนี้มีความเก่าแก่และสวยงาม จึงทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังยื่นเรื่องขอจากยูเนสโก้เพื่อให้เป็นมรดกโลก


วัดมาก๊กซา


บรรยากาศภายในวัด

มาถึงวัดระหว่างเดินเข้าไปภายในวัดจะได้ยินเสียงสวดมนต์ ตรงสะพานที่มีโคมไฟติดตลอดทางเพื่อเดินเข้าไปในวัด คนที่นี่เชื่อกันว่า การเดินข้ามสะพานโคมไฟ คือ การเดินจากโลกมนุษย์เข้าไปสู่สรวงสวรรค์ สองข้างทางจะมีภาพการ์ตูนรูปเทพเจ้าต่างๆ ระหว่างเดินข้ามสะพานให้ทุกท่านตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากเทพเจ้า ส่วนใต้สะพานจะมีรูปปั้นเต่า 2 ตัวที่เป็นสัญลักษณ์อายุยืนยาว นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีสามารถโยนเหรียญลงไปให้โดนตัวเต่าแล้วอธิษฐานให้อายุยืนยาว จะโยนใส่ตัวไหนก็ได้ 


สะพานโคมไฟ

จากนั้น เดินขึ้นเขาเพื่อไปชมป้อมปราการที่มีชื่อว่า คงซานซอง (Gongsanseong Fortress) ซึ่งอยู่บนเขาริมฝั่งแม่น้ำคึมกัง เมืองคงจู และมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า อินจึงซง (Unjinseong) แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นกำแพงดิน และส่วนที่เป็นกำแพงหินภายในบริเวณป้อมปราการมีระตำหนัก สระน้ำ และอุทยาน หลายท่านอาจจะรู้จักป้อมปราการแห่งนี้จากภาพยนตร์ เพราะเคยใช้เป็นฉากหลังให้กับภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เกาหลีมาแล้วหลายเรื่อง ความเป็นอมตะของป้อมปราการจึงทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก


ป้อมคงซานซอง

2.วัดซันบังกันซา (Sanbanggulsa Temple) ตั้งอยู่บนเขาซันบัง ที่เกาะเซจูและอยู่ไม่ไกลจากวัดโบมุนซา วัดนี้เป็นเป็นวัดอันดับต้นๆ ที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ คณะทัวร์เกาหลีที่มาเที่ยวที่นี่ เดินขึ้นไปยังวัดได้ใช้เวลา 10-15 นาที ระหว่างการเดินขึ้นไปจะได้ยินเสียงสวดมนต์ตลอดทาง ด้านหลังของวัดจะเห็นภูเขารูปทรงกลมที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกเกิดภูเขาไฟระเบิดมีลาวาไหลออกมาเกิดการแข็งตัวของลาวาเป็นริ้วรอนภูเขาดูแปลกตา บนวัดจะเห็นพระสังกระจายสีขาว นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีต้องการขอพรให้ใช้มือขวาไปลูบที่ท้องแล้วกำมาใส่กระเป๋าเหมือนเอาเงินเอาทองกลับไปด้วย ส่วนด้านข้างจะเป็นเจ้าแม่กวนอิม สำหรับคนที่นี่ที่นับถือเจ้าแม่กวนอิม จะไม่ห้ามกินเนื้อวัวเพราะถือว่ากินเนื้อวัวแล้วทำให้ร่างกายแข็งแรง 


วัดซันบังกันซา

ภูเขาด้านหลังวัด

ไฮไลท์สำคัญของที่นี่ คือ พระใหญ่ที่หล่อด้วยทองสำริดมีหม้อยาวางไว้ที่ฝ่ามือ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการรักษาสุขภาพ นักท่องเที่ยวส่วนมากมาของพรให้สุขภาพแข็งแรงมีอายุยืนยาว ขอพรเสร็จให้ไปหมุนระฆัง เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป รับแต่สิ่งดีๆ เข้ามา ซึ่งมีทั้งหมด 84 ลูก ที่ตัวระฆังจะมีบทสวดมนต์เขียนไว้รอบระฆัง การทำบุญโดยการซื้อข้าวสารเขียนชื่อแล้วถวายองค์พระ

พระใหญ่ทองสำริด

นอกจากนี้ หากเดินทางมาถึงเกาะเซจูแล้ว แนะนำให้แวะไปที่ ไร่ชาเขียว O SULLOC เป็นไร่ชาเขียวที่มีขนาดใหญ่และมีชื่อที่สุดของเกาหลี นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีที่มาเที่ยวเกาะเซจูต้องไม่พลาดมาที่นี่เพื่อรับประทานไอศครีมรสชาเขียวและขนมหวานที่ทำมาจากชาเขียว รวมไปถึงเครื่องดื่มอื่นๆ เนื่องจากชาจากไร่ O SULLOC มีคุณภาพสูงจึงมีรสขมนิดๆ แต่มีกลิ่นหอมจึงไม่เป็นอุปสรรคในการรับประทานของทุกท่าน อย่าลืมแวะร้านขายใบชาระดับพรีเมี่ยมที่มีชามากมายหลายชนิด ตอบโจทย์สำหรับคนชอบดื่มชาโดยเฉพาะ เพราะที่นี่เป็นไร่ชาเขียวที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกาะเซจู ท่านใดที่ต้องการหาของฝากให้กับผู้ใหญ่ ขาเขียวจากที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ไม่ผิดหวังแน่นอน

ไร่ชาเขียว O SULLOC

ไร่ชาเขียว O SULLOC


ไอศกรีมชาเขียว และขนมโรลชาเขียว

Cr. tour.gongju.go.kr , 
res.heraldm.com , tripadvisor.com , i.imgur.com

วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ทัวร์ฮ่องกงพาช้อปตลาดค้าหยก

หยก ไม่เป็นเพียงแค่เครื่องประดับของชาวฮ่องกงเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องรางของขลังที่มีความสัมพันธ์เรื่องของอายุที่ยืนยาว ช่วยเสริมดวง และเสริมสุขภาพที่ดีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แม้แต่เด็กแรกเกิดก็จะได้รับกำไลหยกเพื่อเป็นของขวัญในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ธุรกิจการค้าหยกที่ฮ่องกงที่คึกคักที่สุดจะอยู่ที่ ตลาดค้าหยก ซึ่งจะมีหยกให้นักท่องเที่ยวทัวร์ฮ่องกงได้ชื่นชมและเลือกซื้อกันอย่างจุใจ


ตลาดค้าหยก

ตลาดค้าหยก (Hong Kong Jade Market) ตั้งอยู่ในย่าน Yau Ma Tai บริเวณ Kansu Street ตัดกับ Battery Street ที่นี่เป็นตลาดค้าหยกที่คึกคักที่สุด มีร้านค้ามากกว่า 100 ร้าน มีแบบมากมายหลากหลายเกรดให้เลือกซื้อ ชอบร้านไหนก็เข้าไปสอบถามราคากันได้ ส่วนการต่อรองก็อยู่ที่ความสามารถของแต่ละท่าน สีของหยกก็มีหลายสี เช่น สีเขียว สีเขียวเข้ม สีเหลือง สีน้ำตาล และสีขาว หยกที่มีคุณภาพดี ต้องมีสีเขียวบริสุทธิ์ แต่จะหายาก ราคาค่อนข้างสูง 

หยกสีต่างๆ

ที่ตลาดค้าหยกแห่งนี้ ส่วนใหญ่จะจำหน่ายหยกประเภทเครื่องประดับในแบบต่างๆ เช่น แหวน ต่างหู จี้ กำไล สร้องคอ รูปปั้นต่างๆ และของตกแต่งบ้าน ทัวร์ฮ่องกงที่มาเที่ยวส่วนใหญ่จะซื้อเครื่องรางของขลังและของที่ระลึกเพื่อเป็นของฝาก การเลือกซื้อหยกควรดูให้ดีเนื่องจากมีบางร้านนำควอตซ์ย้อมสีมาปลอมแปลงเป็นหยกเพื่อหลอกขายนักท่องเที่ยวทัวร์ฮ่องกงในราคาแพง จึงขอแนะนำการเลือกซื้อให้ได้ของแท้มีวิธีทดสอบ ดังนี้

หยกรูปแบบต่างๆ
  • วิธีที่ 1 นำหยกสองชิ้นมาเคาะดู ถ้าเป็นหยกแท้เสียงใสดังกังวาน การเคาะหยกต้องระมัดระวัง เพราะหยกแท้เนื้อจะค่อนข้างแตกง่าย

  • วิธีที่ 2 นำไปส่องไฟดู หยกแท้จะมองทะลุได้ ไม่ขุ่นมัว

  • วิธีที่ 3 นำหยกไปขูดกับกระจกดูว่าเป็นรอยหรือไม่ ถ้าขูดแล้วมีรอย แสดงว่าเป็นหยกแท้

  • วิธีที่ 4 นำเส้นผมมาพันกับหยก แล้วจุดไฟลนที่เนื้อหยก หยกจะร้อนขึ้น สังเกตดูเส้นผมถ้ายังปกติดี แสดงว่าเป็นหยกแท้

  • วิธีที่ 5 ใช้วิธีสัมผัส โดยใส่ไว้ในมือแล้วกำไว้สักครู่ ถ้ายังรู้สึกเย็น แสดงว่าเป็นหยกแท้ ธรรมชาติของเนื้อหยกจะมีความเย็นตลอดเวลา
หยกสำหรับเป็นเครื่องประดับ

เป็นที่ทราบกันดีว่า หยกเป็นเครื่องประดับที่ชาวจีนชื่นชอบเป็นอย่างมากและอยู่คู่มากับวัฒนธรรมจีนตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเชื่อกันว่า หยกมีพลังพิเศษช่วยให้ผู้สวมใส่รอดพ้นจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆ และยังช่วยรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ดังนั้น ผู้ที่มาทัวร์ฮ่องกงคงไม่พลาดที่จะซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปฝากคนที่ท่านรักและห่วงใย

Cr. youtube.com/ตลาดค้าหยก 

วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ทัวร์พม่าพาสักการะวัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น

หากท่านใดได้มาเที่ยวพม่า และได้มีโอกาสเดินทางไปยังเมืองหงสาวดี ทางทัวร์พม่าขอแนะนำวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นวัดที่มีเจดีย์เก่าแก่ มีองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่ชาวพม่าให้ความเลื่อมใส วัดแห่งหนึ่งชื่อว่า "วัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น" เป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่แนะนำให้ทุกคนได้มาสักการะกัน วัดแห่งนี้มีประวัติอะไรบ้าง ลองอ่านดูกัน

ไกด์ทัวร์พม่าพามาถึงที่วัดเจดีย์ไจ๊ปุ่น


เจดีย์ไจ๊ปุ่น (Kyaikpun pagoda) เป็นเจดีย์เก่าแก่กว่า 500 ปี เป็นเจดีย์ที่มีความแปลกกว่าเจดีย์อื่นๆ ตรงที่ทั้ง 4 ด้านขององค์เจดีย์จะมีพระพุทธรูปประทับนั่งขนาดใหญ่จำนวน 4 องค์ตั้งอยุ่รวมกัน โดยแต่ละองค์จะหันพระพักตร์ไปยังทิศทั้ง 4 พระพุทธรูปสร้างขึ้นโดย 4 สาวพี่น้อง ที่มีความศรัทธาในพุทธศาสนา ตามตำนานเล่าต่อกันมาว่า ทั้ง 4 สาวเป็นราชธิดาของกษัตริย์มอญ ได้ตั้งจิตอธิษฐานร่วมกันว่าจะไม่ขอแต่งงาน จึงร่วมกันสร้างพระพุทธรูปเพื่อแทนคำมั่นสัญญา 4 องค์ ซึ่งแบ่งได้ดังนี้

เจดีย์ไจ๊ปุ่น

  • ทิศเหนือ คือ สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า
  • ทิศใต้ คือ พระพุทธเจ้าโกนาคมโน
  • ทิศตะวันออก คือ พระพุทธเจ้ากกุสันโธ
  • ทิศตะวันตก คือ พระพุทธเจ้ามหากัสสปะ

แต่พอสร้างพระพุทธรูปเสร็จ ธิดาองค์เล็กกลับไปแต่งงาน ทำให้เกิดอาเพศฟ้าผ่ามายังพระพุทธรูปที่เป็นสัญลักษณ์แทนน้องคนเล็กพังทลายลงมา จึงต้องมีการก่อสร้างขึ้นมาใหม่แทนองค์ที่พัง ไกด์ทัวร์พม่าได้ชี้ให้ดูว่า องค์ที่สร้างขึ้นใหม่จะมีพระพักตร์เศร้าหมองแตกต่างจากองค์อื่น

พระพุทธรูปองค์ที่มีพระพักตร์เศร้า

เปรียบเทียบพระพักตร์ของพระพุทธรูปองค์อื่นๆ

ภายในวัดจะมีร้านค้าให้นักท่องเที่ยวทัวร์พม่าได้เดินช็อปปิ้งซื้อของที่ระลึกกัน บรรยากาศรอบๆ ร่มรื่น ด้านขวามือจะมีเจดีย์เงิน ด้านซ้ายมือจะมีเจดีย์ทอง ส่วนใหญ่ก็จะไหว้กันทั้งสี่ทิศ แต่ไม่แนะนำให้ขอพรเรื่องความรัก

ร้านขายของที่ระลึก

เจดีย์ไจ๊ปุ่น เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่โดดเด่นเห็นแต่ไกล เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งของเมืองหงสาวดีที่มีทัวร์พม่าเข้ามาเยี่ยมชมสักการะบูชาเป็นจำนวนมาก ใครที่มาเที่ยวพม่าไม่ควรพลาดวัดแห่งนี้ 

วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

ทัวร์พม่าพาไหว้พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว

คนไทยส่วนใหญ่ที่ไปทัวร์พม่าก็เพื่อไปสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่หลายแห่ง แต่ที่พระนอนพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียวที่เมืองหงสาวดี ถือเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีประชาชนทั้งชาวพม่าและชาวต่างชาติเข้ามาเยี่ยมชมและสักการะบูชาเป็นจำนวนมาก

พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว

พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว (Shew Thalyang Buddua) เป็นพระนอนที่มีความงดงามที่สุดของพม่ามีขนาดยาว 55 เมตร สูง 16 เมตร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพม่านับถือเป็นอย่างมาก เป็นพระนอนที่มีพระบาทเหลื่อมล้ำกัน เป็นลักษณะที่ไม่เหมือนพระนอนของไทย แต่ก็เป็นศิลปะที่สวยงามอีกแบบหนึ่ง ท่านที่ไปทัวร์พม่าจะมีไกด์บรรยายให้ฟังว่า มีตำนานเล่าต่อกันมาว่า มีพระราชาองค์หนึ่งไม่ศรัทธาพุทธศาสนา แต่ไปหลงไหลในลัทธิบูชายักษ์ จนมีการสร้างรูปปั้นยักษ์ไว้เพื่อกราบไหว้บูชา วันหนึ่งพระราชากับพระโอรสเสด็จออกประพาสป่า พระโอรสได้พบกับหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งเกิดหลงรักขึ้นมา จึงได้นำกลับมาอยู่ด้วยกันในวัง หญิงสาวชาวบ้านคนดังกล่าวนับถือพุทธศาสนาจึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปเข้าไปไว้บูชาในวัง ทำให้พระราชาทรงกริ้วมาก จึงสั่งให้ทหารจับพระโอรสและหญิงสาวชาวบ้านมัดรวมกันเพื่อนำไปประหาร แต่พอพวกชาวบ้านที่นับถือพุทธศาสนา รู้เข้าก็พากันตั้งจิตอธิษฐานขอพรว่า ถ้าพระพุทธเจ้ามีจริงขอให้พระโอรสและคนรักแคล้วคลาดจากการถูกประหาร เมื่อชาวบ้านอธิษฐานเสร็จเกิดความมหัศจรรย์เชือกที่มัดทั้งสองไว้หลุดขาดและเกิดเหตุรูปปั้นยักษ์แตกกระจาย พระราชาเห็นปฏิหารย์ที่เกิดขึ้น จึงได้เปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนาและขอถ่ายบาปโดยการสร้างพระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียวไว้ให้ประชาชนชาวเมืองได้บูชา

องค์พระมีขนาดยาว 55 เมตร

บริเวณศีรษะขององค์พระ

บริเวณเท้าขององค์พระ

ด้านหลังองค์พระ

พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว จึงเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวทัวร์พม่าที่มีความศรัทธา เดินทางมาสักการะบูชาเป็นจำนวนมาก ภายในบริเวณวัดยังมีตลาดสำหรับเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวทัวร์พม่าที่มีเวลาเหลือพอเดินช็อปปิ้ง เพื่อซื้อของที่ระลึกกลับไปฝากคนทางบ้าน โดยเฉพาะงานไม้แกะสลัก งานหยก แป้งทานาคา เครื่องรางของขลังและอื่นๆ อีกมากมาย

ตลาดหน้าวัด สำหรับซื้อของฝาก

วันพฤหัสบดีที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ทัวร์กัมพูชาพาสักการะ องค์เจ๊กองค์จอม

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศกัมพูชา นอกจากนครวัดและนครธมแล้ว ที่เมืองเสียมเรียบยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่ชาวกัมพูชาและนักท่องเที่ยวทัวร์กัมพูชานิยมมากราบไหว้สักการะและขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล คือ องค์เจ๊กองค์จอม ซึ่งอยู่ที่เมืองเสียมเรียบ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2


องค์เจ๊กองค์จอม


องค์เจ๊กองค์จอม เป็นพระพุทธรูปสององค์พี่น้องกัน มีประวัติศาสตร์เล่ากันมาว่า องค์เจ๊กเป็นพี่ องค์จอมเป็นน้อง ทั้งคู่เป็นสุภาพสตรี มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง อยู่มาวันหนึ่งหลังจากไปทำบุญ พอกลับมาบ้านนอนหลับไปเฉยๆ ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย บิดามารดาเสียใจมากและอาลัยอาวรณ์ลูกสาวทั้งสองที่จากไปโดยมิได้สั่งเสีย ทั้งบิดามารดาจึงได้สร้างพระพุทธรูปขึ้นมาสององค์ตามชื่อลูกสาว และได้ตั้งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองประจำเมืองเสียมเรียบ มีคณะทัวร์กัมพูชาโดยเฉพาะคู่รักที่กำลังจะแต่งงานจำนวนมากนิยมมากกราบไหว้ขอพร ต่อมาจึงได้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เปรียบเสมือนศาลหลักเมืองของเมืองเสียมเรียบ


เดินทางมาถึงบริเวณศาลองค์เจ๊กองค์จอม

ทางเดินเข้าด้านหน้าศาลองค์เจ๊กองค์จอม

บริเวณด้านหน้าศาล


วิธีการขอพร ก่อนที่จะเข้าไปสักการะ ต้องซื้อดอกไม้ ธูป เทียน ชุดละ 40 บาท ดอกไม้ที่บูชาจะเป็นดอกบัว ก่อนเข้าไปในศาลควรถอดรองเท้าไว้ที่หน้าศาล โดยหันปลายเท้าออกหน้าศาล เป็นเคล็ดลับในการขอพร แล้วค่อยเข้าไปอธิษฐานจิตขอพรต่อองค์เจ๊กองค์ขอม แล้วตักน้ำมนต์ไปลูบที่รูปปั้นทั้งสององค์เพื่อเป็นสิริมงคล


ดอกบัวสำหรับกราบไหว้

สักการะองค์เจ๊กองค์จอม

องค์เจ๊กองค์จอม เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวเสียมเรียบมาช้านาน มีผู้มาสักการะมากมายโดยเฉพาะกลุ่มทัวร์กัมพูชามากันไม่ขาดสาย ท่านที่ต้องการมาบูชา แนะนำลองหาทริปทัวร์กัมพูชาที่มีโปรแกรมนำท่านไปสักการะองค์เจ๊กองค์จอม เพื่อเป็นการไหว้พระทำบุญแล้วท่านจะรู้สึกอิ่มบุญไปตามๆ กัน 

วันอังคารที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2560

5 สถานที่น่าเที่ยวสำหรับทัวร์ตุรกี

ถ้าพูดถึงเมืองที่มีความหลากหลายทางด้านอารยะธรรม มีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติ และสถาปัตยกรรม คงหนีไม่พ้น ประเทศตุรกีดินแดนสองทวีป ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก สำหรับสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทัวร์ตุรกีนิยมไปเที่ยว ขอแนะนำ 5 สถานที่ ดังนี้

1. สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) หนึ่งในสุเหร่าสำคัญของประเทศตุรกีที่ทางทัวร์ตุรกีจะต้องพาไป สุเหร่าสีน้ำเงินอยู่ที่เมืองอิสตันบลู เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับประกอบพิธีทางศาสนาที่มีความสวยงาม ชื่อของสุเหร่าแห่งนี้ได้มาจากการปูกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินตลอดแนวฝาผนังด้านใน ถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยเป็นวังของจักรพรรดิไบเซนไทน์ โดยสุลต่านอาห์เหม็ตที่ 1 ในปี ค.ศ. 1609 ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 7 ปี

สุเหร่าสีน้ำเงิน


2. ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี ค.ศ.1988 อยู่ที่เมืองปามุคคาเล่ เป็นดินแดนที่มีน้ำพุเกลือร้อนที่สวยงามมาก ปราสาทปุยฝ้ายเกิดจากการไหลของน้ำพุเกลือแร่ร้อนนี้ไหลรวมกันเป็นชั้นๆ และเกิดการแข็งตัวของแคลเซียม ทำให้เกิดเป็นชั้นหินสีขาวเหมือนหิมะเป็นแนวยาว แนวชิ้นหินเกิดเป็นทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆ สวยงามมาก

ปราสาทปุยฝ้าย

3. นครใต้ดิน (Underground City) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เมืองใต้ดินมีอยู่หลายแห่งในตุรกี ไกด์ทัวร์ตุรกีเล่าให้ฟังว่า ในสมัยก่อน นครใต้ดินเป็นที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบภัยจากการทำลายร้างของชาวโรมัน ซึ่งในยุคนั้น ชาวโรมันต้องการทำลายศาสนาคริสต์ นครใต้ดินจะมีหลายความลึกถึง 10 ชั้น แต่ละชั้นจะทำเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องครัว บ่อน้ำ ห้องโถง โบสถ์ เป็นต้น

นครใต้ดิน

4. บอลลูนที่เมืองคัปปาโดเกีย อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญสำหรับใครที่มาเที่ยวตุรกี การขึ้นบอลลูนชมวิวแนวหุบเขาอันสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย ปกติทางทัวร์ตุรกีจะพาไปขึ้นตอนตีห้าครึ่ง ค่าใช้จ่ายท่านละ 200 USD จะได้นั่งบอลลูนชมวิวประมาณ 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ บอลลูนจะขึ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในวันนั้นๆ ด้วย

ขึ้นบอลลูน

5. หมู่บ้านพื้นเมือง (Local Cave House) เป็นหมู่บ้านชาวพื้นเมืองคัปปาโดเกีย หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า บ้านของมนุษย์ถ้ำ เป็นหมู่บ้านที่อยู่ในหุบเขา เมื่อเดินทางไปถึง ชาวบ้านจะทำการมอบชา หรือกาแฟ เป็น Welcome Drink เพื่อแสดงมิตรภาพที่ดีต่อนักท่องเที่ยวหรือเพื่อนใหม่


หมู่บ้านพื้นเมือง

สำหรับประเทศตุรกีนั้น ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ด้วยประเทศที่มีขนาดใหญ่ การเดินทางไปเที่ยวแต่ละที่จึงค่อนข้างใช้เวลานาน บางครั้งอาจต้องอาศัยการบินภายในประเทศ ดังนั้น หากใครจะไปเที่ยวทัวร์ตุรกีแล้ว ลองศึกษาสถานที่ที่สนใจ จะได้เที่ยวได้อย่างคุ้มค่าและประทับใจ

Credit : haseki-sultan.com , evacation.org , cappadociaturkey.net , boldtravel.com , heryerdentatil.com

วันพุธที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ทัวร์มาเก๊าแนะนำโบราณสถานน่าเที่ยว

มาเก๊า เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการเดินทางไปท่องเที่ยว เนื่องจากเดินทางสะดวก ค่าใช้จ่ายน้อย ไม่ต้องขอวีซ่า มีแหล่งช็อปปิ้งมากมาย มีอาหารที่น่าชวนลิ้มลอง สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายที่ อีกทั้ง ยังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อด้านการวางฮวงจุ้ย รวมทั้งยังเป็นเมืองสำหรับคนที่ชอบมาเล่นคาสิโนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม มาเก๊ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสถาปัตยกรรมโบราณที่น่าสนใจอยากแนะนำให้ไปเยี่ยมชมกัน โดยเฉพาะไฮไลท์ของทัวร์มาเก๊า มีอะไรบ้างตามมาดูกัน

1. ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St.Paul’s) คือ ด้านหน้าของโบสถ์มาแตร์ เดอิ (Church of Mater Dei) โรงเรียนสอนศาสนาแห่งแรกในเอเชียตะวันออก ที่ยังเหลืออยู่หลังจากถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ.1835 สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1602 และสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1640 ส่วนด้านหลังของซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลจะมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่รวบรวมภาพเขียนและอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาและยังเป็นที่ฝังศพของบาทหลวงวาลิคนาโน ผู้ก่อตั้งโบสถ์แห่งนี้อีกด้วย

ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล

2. โบสถ์เซนต์ดอมินิค (St.Dominic’S Church) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1587 โดยบาทหลวงนิกายโดมินิกัน เป็นโบสถ์เก่าแก่ของมาเก๊าที่เคยใช้เป็นสถานที่ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ A-Abelha da China หรือ The China Bee ที่เป็นหนังสือพิมพ์โปรตุเกสฉบับแรกบนแผ่นดินจีน และทุกวันที่ 13 พฤษภาคมของทุกปีจะมีพิธีแห่องค์แม่พระฟาติมาจากโบสถ์เซนต์ดอมินิคไปยังโบสถ์เพนญ่า คณะทัวร์มาเก๊าเข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น.

โบสถ์เซนต์ดอมินิค

3. จตุรัสเซนาโด้ (Sanado Square) เป็นจตุรัสเก่าแก่ที่ยังคงความงดงาม แม้เวลาจะผ่านมาอย่างยาวนาน ก่อสร้างโดยช่างผู้ชำนาญชาวโปรตุเกส บริเวณของพื้นใช้สีขาวตัดกับสีดำสลับกันเหมือนรูปเกลียวคลื่นของทะเล ปัจจุบันใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ต่างๆ ที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวทัวร์มาเก๊าอีกด้วย


จตุรัสเซนาโด้

4. ค่ายทหารชาวมอร์ (Moorish Barracks) สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.1874 ใช้เป็นที่รับรองทหารจากเมืองกอ (Goa) ที่ประเทศอินเดียส่งเข้ามาเสริมกำลังให้กองตำรวจมาเก๊า แต่ปัจจุบันเป็นกองบัญชาการของคณะบริหารฝ่ายการเดินเรือของมาเก๊า ตัวอาคารโดดเด่นด้วยเสาและส่วนโค้งที่ได้ผสมผสานวัฒนธรรมของอิสลามเข้าไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค ทำให้ค่ายทหารโดดเด่นสวยงามเป็นอย่างยิ่ง


ค่ายทหารชาวมอร์


5. คฤหาสน์ขุนนางจีน (Mandarin’s House) เป็นบ้านของนักประพันธ์จีนผู้ยิ่งใหญ่ เป็นคฤหาสน์ของขุนนางจีนที่ได้มาอาศัยอยู่ที่มาเก๊า สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1881 เพื่อเป็นบ้านตัวอย่างอยู่อาศัยของชาวจีนโบราณ ภายในประกอบไปด้วยเรือนหลายเรือนที่มีอาณาบริเวณเละลานหน้าบ้าน ตัวบ้านใช้อิฐสีเทาประดับโค้งประตูหรือหน้าต่างระแนงทำจากไม้ซุงประดับด้วยแผ่นกระดานสี่เหลี่ยมกรุมุกด้วยลวดลายอินเดีย เป็นการผสมผสานรายละเอียดความเป็นจีนและตะวันตกได้อย่างลงตัว


คฤหาสน์ขุนนางจีน


6. รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม (Statue of Kun Lam) เป็นการสร้างของโปรตุเกสเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการส่งมอบเกาะมาเก๊าให้แก่จีน จึงทำให้เจ้าแม่กวนอิมองค์นี้ไม่เหมือนกับที่อื่นตรงที่มีลักษณะคล้ายกับพระแม่มารีในศาสนาคริสต์ ภายใต้ฐานดอกบัวนักท่องเที่ยวทัวร์มาเก๊าสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ในการสร้างเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้ได้

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม

7. วัดอาม่า (A-Ma Temple) เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของมาเก๊า ถือว่าเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของชาวมาเก๊า ทางเข้าวัดมีซุ้มประตูแห่งการรำลึก ภายในวัดประกอบไปด้วย หอสวดมนต์ หอแห่งความเมตตา หอเจ้าแม่กวนอิม และมีหินก้อนใหญ่ แกะสลักเป็นรูปเรือประมงเป็นสัญลักษณ์ว่า เทพธิดาแห่งท้องทะเลได้ย่างก้าวขึ้นมาสู่แผ่นดิน วัดนี้ถือเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งที่ทัวร์มาเก๊าให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง

วัดอาม่า

โบราณสถานเหล่านี้ เป็นสถานที่สำคัญของเมืองมาเก๊า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด บางท่านอาจจะมาเที่ยวแต่ยังไม่ครบทุกที่ แต่ละที่มีความงดงามแตกต่างกันไป มีโอกาสก็ลองชวนกันไปเที่ยวชม รับรองเก็บภาพสวยงามได้ไม่แพ้ประเทศอื่น

credit : wikimedia.org, visitourchina.com