วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เมืองโทยะกับทัวร์ญี่ปุ่น

โทยะ (Toya) เป็นเมืองที่ตั้งของทะเลสาบโทยะ ที่พวกเราทัวร์ญี่ปุ่นจะพาท่านไปท่องเที่ยวทะเลสาบโทยะและสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งโดยรอบของเกาะแห่งนี้ ท่านจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอันงดงามของเกาะนี้ อีกทั้ง ท่านจะได้ชมภูเขาไฟนิชิยามา ภูเขาไฟอุชุ และภูเขาไฟโชวะชินซัน  สถานที่แต่ละแห่งล้วนแต่เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นทั้งนั้น

ทะเลสาบโทยะ (Toya Lake) เป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติชิค็อทสึ-โทยะ (Shikotsu-Toya) จังหวัดฮอกไกโด เป็นทะเลสาบที่อยู่บนภูเขา มีลักษณะเป็นวงกลม ซึ่งเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟในอดีต ทำให้พื้นที่ทะเลสาบเป็นส่วนของปากปล่องภูเขาไฟ เวลาผ่านไปทำให้มีน้ำทะเลเต็มพื้นที่ปากปล่อง และมีเกาะนากาจิมะ (Nakajima Island) ที่มีลักษณะคล้ายภูเขาลูกเล็กๆเกิดขึ้นกลางทะเลสาบ ทำให้เป็นจุดเด่นที่เห็นได้ชัด บริเวณของโซนโรงแรมที่พัก ริมทางเดินนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นสามารถออกมาเดินพักผ่อนดื่มด่ำกับบรรยากาศอันร่มรื่นของต้นไม้นานาพันธ์ ที่สำคัญท่านสามารถแวะชมปฏิมากรรมอนุสรณ์ต่างๆ ได้ที่บริเวณนี้



สำหรับการล่องเรือทะเลสาบโทยะ เส้นทางเดินเรือจะอ้อมเกาะนากาจิมะ แล้วจึงค่อยย้อนกลับมาที่ท่าเรือริมทะเลสาบ ใช้เวลาประมาณ 50 นาที เรือจะพาท่านชมทัศนียภาพรอบๆ ทะเลสาบอย่างเต็มอรรรถรส ถ้าเป็นฤดูร้อนนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นสามารถลงไปเดินเล่นบนเกาะนากาจิมะได้ แล้วรอขึ้นเรือกลับฝั่งในรอบต่อไป


ภูเขาไฟโชวะชินซัน (Showa-Shinzan) เป็นภูเขาไฟที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟอุชุ ทำให้เกิดลาวาจับตัวแข็งและดันตัวสูงขึ้นกลายเป็นภูเขาสูง 400 เมตร เป็นความมหัศจรรย์ที่ยังมีควันพวยพุ่งขึ้นมาตลอดเวลา หากนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นต้องการจะชมให้ชัดๆ ต้องขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปยังยอดภูเขาไฟอุชุเพื่อชมวิวทิวทัศนียภาพอันสวยงามของภูเขาไฟโชวะชินซัน



ภูเขาไฟอุชุ (Mt.Usu) เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิทและมีการระเบิดขึ้นบ่อยที่สุดในญี่ปุ่น ท่านสามรถเดินขึ้นไปชมวิวบนปากปล่องของภูเขาไฟได้โดยนั่งกระเช้าไฟฟ้าที่ใช้เวลาเพียงประมาณ 5 นาที เท่านั้น จนถึงปัจจุบันก็ยังมีควันขึ้นมาให้เห็นอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงสถานีกระเช้าข้างบน ท่านต้องเดินต่อไปอีกเพื่อไปยังปากปล่องจะมีลานชมวิวที่มองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบโทยะทั้งหมด รวมถึงภูเขาไฟโชวะชินซัน จุดเด่นของภูเขาไฟอุชุคือ การปะทุของภูเขาไฟในสมัยโบราณที่มีมาอย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้เกิดทะเลสาบโทยะที่สวยงามขึ้นมาอย่างมหัศจรรย์ นับได้ว่าธรรมชาติสร้างสรรค์สิ่งที่สวยงามมาให้กับมนุษย์อย่างแท้จริง นอกจากนี้ บริเวณสถานีกระเช้าไฟฟ้า ยังมีสถานที่ให้แวะชมอีกหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์แก้วโชวะชินซัน (Showa Shinzan Glass Meseumพิพิธภัณฑ์ชนพื้นเมืองไอนุ (Ainu Meseumสวนหมีโชวะชินซัน (Showa Shinzan Bear Parkหอที่ระลึกมาชาโอะ มิมัตสึ (Masao Mimatsu Memorial Hall) ฯลฯ





Cr. wikimedia.org, panoramio.com , dmagicube.blogspot.com

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ทัวร์เกาหลีพาชม ป้อมฮวาซอง-มรดกโลกปี 1997

ป้อมฮวาซอง (Hwa Seong Fortress) ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซูวอน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เก่าแก่ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1793 สมัยของพระเจ้าชองโจ กษัตริย์องค์ที่ 22 แห่งราชวงศ์โชชอน โดยสร้างพระราชวังและกำแพงป้อมปราการล้อมรอบเมืองซูวอน มีความยาวถึง 5.5 กิโลเมตร มีป้อมเรียงรายอยู่ตามแนวกำแพงถึง 50 ป้อม บริเวณรอบๆ มีหอสังเกตการณ์ ฐานปืนใหญ่ ลานฝึกทหาร สนามฝึกยิงธนู สระน้ำ ประตูน้ำและประตูเมือง สถานที่น่าชมแบบนี้ทัวร์เกาหลีไม่มีพลาดแน่นอน



ป้อมฮวาซองได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก เมื่อ ค.ศ.1997 เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่งของเมืองซูวอน ความสวยงามของป้อมฮวาซองทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก การมาเที่ยวป้อมฮวาซองมีให้เลือก 2 ทาง คือ นั่งรถมังกรคันสีแดง หรือเดินเที่ยวกันเอง แต่เนื่องจากระยะทางในการชมจะยาวไกลสักหน่อย ถ้ามีเวลาอยากจะแนะนำให้เดินจะได้อรรถรสมากกว่า ท่านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศรอบๆ และเก็บภาพสวยๆ ได้อย่างเต็มที่ ถึงจะเหนื่อยแต่ก็คุ้มมากๆ สำหรับผู้ที่เดินไม่ไหวหรือมีเวลาน้อยเพราะมากับทัวร์เกาหลี แนะนำให้นั่งรถหัวมังกรที่มีไว้บริการ เสียค่าบริการคนละ 1,500 วอน ถ้ามีฝนหรือหิมะตกจะหยุดบริการวันจันทร์ แต่ถ้านั่งรถจะเก็บภาพสวยๆได้น้อยเพราะรถจะใม่หยุดให้ถ่ายรูป รถหัวมังกรจะพานักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีชมความงามของป้อมฮวาซองโดยรอบๆ วิ่งไปตามแนวป้อมปราการต่างๆ ท่านจะได้เห็นความสวยงามที่แตกต่างกันของแต่ละป้อมซึ่งมีความยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก 



ส่วนที่หน้าป้อมฮวาซองมีสนามยิงธนู สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากลองยิงธนู ก็สามารถไปลองความแม่นยำได้ไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับด้านหน้าพระราชวัง ทุกๆ วันอาทิตย์ของเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤศจิการยน จะมีการแสดงโชว์การต่อสู้ของนักรบเกาหลีในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้หอก ธนู และดาบ ดูแล้วน่าตื่นเต้นจริงๆ ภายในพระราชวังนักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีจะได้ชมห้องต่างๆ ตั้งแต่ห้องขันทีไปจนถึงห้องประทับของกษัตริย์ อีกจุดหนึ่งที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีด้เป็นจำนวนมากก็คือ อาคารที่ถ่ายทำละครเรื่อง แดจังกึม ที่โด่งดังไปทั่วโลกนั่นเอง

สนามยิงธนู

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

ทัวร์เกาหลีพาทำกิมจิ

การเดินทางไปทัวร์เกาหลีครั้งนี้ ได้ไปที่โรงเรียนสอนทำกิมจิ ซึ่งกิมจิถือเป็นอาหารขึ้นชื่อที่ขาดไม่ได้ต้องมีให้ทานทุกมื้อ ถือเป็นเครื่องเคียงกับอาหารอื่นๆ บนโต๊ะอาหาร ไกด์ทัวร์เกาหลีจึงไม่พลาดที่จะพานักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมศึกษาและเรียนรู้วิธีการทำกิมจิ

ก่อนที่จะมาฝึกทำกิมจิ อยากให้มารู้จักที่มาของกิมจิเสียก่อน กิมจิ (Kimchi) ถูกสันนิษฐานกันว่าเพี้ยนมาจากคำว่า "ชิมเช" ที่แปลว่า ผักดองเค็ม กิมจิเป็นอาหารประเภทผักดองที่อาศัยภูมิปัญญาของชาวเกาหลีที่เรียนรู้การเพาะปลูก การบริโภคผักต่างๆ พอถึงฤดูหนาว การปลูกผักเป็นไปได้ยาก ผู้คนจึงเริ่มพัฒนาวิธีการเก็บผักไว้ให้ได้นาน จึงนำไปสู่การหาวิธีดองผักนั่นเอง

กิมจิ (Kimchi)

ในสมัยแรกๆ ของการทำกิมจิใช้แต่เกลือเท่านั้นที่ใส่ลงไปในผัก แต่เมื่อถึงช่วงศตวรรษที่ 12 ได้มีการทำกิมจิแบบใหม่ขึ้นโดยการนำเครื่องเทศและเครื่องปรุงชนิดอื่นมาผสมด้วย และในศตวรรษที่ 19 ได้นำผงพริกแดงและส่วนผสมอื่นๆ มาปรุงจนกลายเป็นกิมจิในรสชาติของปัจจุบัน นอกจากนี้ กิมจิ ยังมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าเป็นอาหารบำรุงอย่างดี จึงกลายเป็นอาหารส่งออกของประเทศเกาหลีใต้ทำให้เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ กิมจิมีมากกว่า 187 ชนิด ทุกปีจึงมีการจัดเทศกาลกิมจิขึ้นที่เมืองควางจู โดยในงานมีการแสดงกิมจิรูปแบบต่างๆ นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีสามารถเข้าชมและชิมกิมจิได้ตลอดงาน

โรงเรียนสอนทำกิมจิ (Kimchi School) เป็นสถานที่เชิงวัฒนธรรม ภายในมีกิจกรรมการสาธิตวิธีการทำกิมจิ โดยทางเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนได้เริ่มจากการแนะนำวัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้ในการทำกิมจิ ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว หรือหัวผักกาดที่มีขนาดใหญ่มาก เครื่องปรุงต่างๆ ซึ่งมีพริกแดง กระเทียม หัวหอมใหญ่ ปลาหมึก กุ้ง หอยนางรม ขิง เกลือ และน้ำตาล จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้สาธิตวิธีการทำน้ำกิมจิที่ใช้สำหรับหมักผัก โดยนำเครื่องปรุงต่างๆ มาผสมกัน พอได้น้ำหมักกิมจิจึงนำมาทาที่ผักกาดขาวทีละกั้น พร้อมม้วนให้เป็นก้อนผักและทาน้ำกิมจิโดยรอบอีกครั้ง และจึงนำผักเป็นไปหมักทิ้งไว้ จากนั้น เมื่อได้ดูสาธิตจากเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว จึงได้ให้ให้นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีได้ลงมือทำด้วยตนเอง พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ที่โรงเรียนมีกิมจิที่ทำเสร็จแล้วให้ชิม และถ้าใครต้องการก็สั่งซื้อได้ ทางโรงเรียนจะนำไปส่งให้ถึงสนามบิน

ผักกาดขาว

เครื่องปรุงน้ำหมักกิมจิ

ทาน้ำหมักกิมจิทุกใบของผักกาดขาว

กิมจิที่ทำเสร็จแล้ว เตรียมนำไปหมัก

เมื่อเสร็จจากการเรียนทำกิมจิแล้ว ทางโรงเรียนมีชุดประจำชาติของเกาหลีหรือเรียกว่า "ชุดฮันบก" ให้ทัวร์เกาหลีทุกคนได้สวมใส่เพื่อถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกประกอบฉากต่างๆ ที่ทางโรงเรียนได้จัดเตรียมไว้ให้

ชุดฮัมบก

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ทัวร์เกาหลีพาเที่ยวรอบกรุงโซล

มนต์เสน่ห์ของประเทศเกาหลี นอกจากในเขตเมืองหลวงของกรุงโซลแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ที่ล้วนแต่มีความสวยงามและมีพลังดึงดูดได้ไม่แพ้กรุงโซล ไปกับทัวร์เกาหลีสะดวกสบายง่ายใช้เวลาได้คุ้มค่า รับรองว่าท่านจะได้ประสบการณ์ที่แสนจะคุ้มค่าอย่างแน่นอน โดยพากันไปที่ สวนสัตว์และสวนสนุกที่เขตกวาซอน, หมู่บ้านวิถีช้า ที่เขตบูอัมดง,เมืองซูวอน, กาเพียง, ยางเพียง, ยงอิน, ชุนชอน, อินชอน, พาจู และยังมีอีกหลากหลายสถานที่รอทุกท่านไปสัมผัส พร้อมกันรึยัง ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลย

ชมวิวกรุงโซลบนเขาฟูกักซาน (Bugaksan) เป็นเส้นทางเดินเลียบกำแพงเมืองโบราณที่ทอดยาวผ่านทิวเขาฟูกักซาน ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของกรุงโซล มีป้อมปราการเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงทั้งหมด ทอดยาวผ่านเทือกเขาฟูกักซาน (Bugaksan) เขานักซาน (Naksan) เขานัมซาน (Namsan) และเขาอินวังซาน (Inwangsan) ที่ตั้งอยู่รายรอบกรุงโซล ปัจจุบันกำแพงและป้อมปราการได้กลายเป็นสถานที่สำหรับปีนเขาเพื่อชมธรรมชาติของชาวเกาหลี ส่วนนักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีที่รักในการผจญภัยขอแนะนำเส้นทางในการเดิน ให้เริ่มจากศูนย์บริการข้อมูลชางอึยมุนที่อยู่ใกล้กับจุดที่ลงรถเมล์ ไปจนถึงยอดเขา แล้วเดินเลาะกำแพงไปลงที่อุโมงค์ซัมชอง ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง


หุบเขาแบ็กซาซิล (Baeksasil Valley) เป็นสถานที่พักผ่อนที่ได้รับความนิยมจากทัวร์เกาหลีเพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงโซล มีความสวยงามร่มรื่นเหมาะสำหรับการมาชมธรรมชาติโดยการเดินลัดเลาะไปตามหุบเขาลำธาร สถานที่แห่งนี้จะมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี เวลาเที่ยวจึงไม่เหนื่อยมาก


พิพิธภัณฑ์ Whanki (Whanki Museum)  เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดการแสดงงานจิตรกรรมแนวนามธรรมของ "Kim Whanki" เป็นผลงานในยุคต่างๆ ส่วนชั้นล่างของพิพิธภัณฑ์เป็นร้านขายของที่ระลึกและมีร้านกาแฟไว้บริการนักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลี


วัดกิลซางซา (Gilsangsa Temple) อยู่ทางตอนใต้ของภูเขาฟูกักซาน สมัยก่อนเคยเป็นร้านอาหารที่เก่าแก่ แต่เจ้าของร้านมีความเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนา จึงบริจาคพื้นที่ให้สร้างวัดนี้ขึ้นมา ภายในวัดมีการจัดกิจกรรมทางศาสนาให้ผู้ที่สนใจเข้ามาปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ สวดมนต์ ใครจะพักค้างคืนที่วัดก็ได้


สวนสัตว์โซลแกรนด์ปาร์ค (Seoul Zoo in Seoul Grand Park) เป็นสวนสัตว์แห่งแรกของกรุงโซลล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูง มีพื้นที่กว้างขวาง ร่มรื่น ภายในสวนสัตว์เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่ากว่า 3,000 ชีวิต มีสวนดอกไม้และสวนพฤกษศาสตร์ สำหรับนักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีมาพักผ่อน


เกาะคังฮวาโด (Ganghwa-do) อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองอินชอน เกาะนี้มีก้อนหินขนาดใหญ่วางซ้อนกันอย่างสวยงามถึง 120 กลุ่ม และมีก้อนที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีอยู่ที่นี่ ความสวยงามของกลุ่มหินทำให้องค์การยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งชมหิน คังฮวา เป็นมรดกวัฒนธรรมโลก



วัดชนดึงซา เป็นวัดที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นเมื่อ 1,600 ปีมาแล้ว มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้านศิลปะและสถาปัตยกรรมที่หาดูได้ยาก โดยเฉพาะระฆังเหล็ก นอกจากมาเยี่ยมชมวัดแล้วยังสามารถเลือกซื้อของฝากเป็นสินค้าพื้นเมืองชนิดต่างๆ เช่นเสื้อที่ทำมาจากธรรมชาติ และโสมหลากหลายชนิด 



Credit : meetup.com , panoramio.com , travel.cnn.com , visitkorea.or.kr , itripandtravel.blogspot.com , wikimedia.org

วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ทัวร์เกาหลีพาเยือนเมืองเคียงจู

เคียงจู (Gyeongju) เป็นเมืองหลวงเก่าของอาณาจักรซิลลา (Shilla) ซึ่งเป็น 1 ใน 3 อาณาจักรโบราณที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเกาหลี เคยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ที่มีความสำคัญมาก เป็นอาณาจักรที่มีความเจริญรุ่งเรืองก่อนที่จะล่มสลายไป โดยทิ้งร่องรอยความเจริญไว้ให้ชาวโลกได้ดูและศึกษา อีกทั้งยังมีโบราณวัตถุและโบราณสถานที่สำคัญต่างๆ มากมาย มีสิ่งก่อสร้างและสุสานโบราณต่างๆ กระจายอยู่ทั่วเมือง จึงได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกและได้รับการยกย่องให้เป็นเมือง "พิพิธภัณฑ์ไร้กำแพง" จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของทัวร์เกาหลี วันนี้จึงขอแนะสถานที่ในเมืองเคียงจูให้ท่านได้รู้จักดังนี้

อุทยานทูมูลิ (Tumuli Park) หรือสุสานหลวง เป็นสุสานขนาดใหญ่อยู่ในเขตพระราชวังโบราณของเมืองเคียงจู รวมสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองเคียงจูไว้รวมกันเกือบทั้งหมด นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีสามารถเดินเที่ยวชมต่อเนื่องกันได้ภายในวันเดียว โดยสุสานหลวงหรือทูมูลิ ปาร์ค มีสุสานทั้งหมด 23 แห่ง สุสานที่น่าสนใจมีอยู่ 3 แห่งคือ
  1. สุสาน Choenmachong หรือสุสานม้าสวรรค์ เป็นสุสานเดียวที่เปิดให้เข้าชมภายในโดยสร้างอุโมงค์เป็นทางเข้า-ออก และจัดแสดงสิ่งของที่พบในสุสานให้ชม เช่น มงกุฎทองคำ
  2. สุสานกษัตริย์ (Michu) องค์ที่ 13 ของอาณาจักรซิลลาตอนต้น
  3. สุสาน Hwangnam Daechong เป็นสุสานที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีความสูงถึง 20 เมตร หรือเท่ากับตึก 3 ชั้น

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเคียงจู (Gyeongju National Museum) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีไม่ควรพลาด เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมมรดกวัฒนธรรมทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ของเมืองเคียงจูไว้เป็นจำนวนมาก มีอาคารทั้งหมด 4 หลัง ได้แก่
  1. อาคารจัดการแสดงทางโบราณคดี (Archeology Hall)
  2. อาคารจัดการแสดงเกี่ยวกับสระอันอั๊บจี (Anapji Hall)
  3. สวนจัดแสดงกลางแจ้ง (Outdoor exhibition in the museum garden)
  4. หอศิลป์ (Art Hall)

หอดูดาวชมซงแด (Cheomseongdae Observatory) เป็นอาคารโบราณรูปร่างคล้ายขวดเป็นหอดูดาวที่เก่าแก่ที่สุดในซีกโลกตะวันออก โดยใช้หินแกรนิตในการก่อสร้างมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5.17 เมตร สูง 9.4 เมตร มีการเจาะช่องไว้ดูการเคลื่อนไหวของดวงดาวและสภาพอากาศ



สระอันอั๊บจิและวังโบราณ (Anapji Pond) สระแห่งนี้อยู่ห่างจากหอดูดาวเพียงเล็กน้อย แต่เดิมเคยเป็นสถานที่พักผ่อนของพระราชวงค์ มีการขุดค้นพบวัตถุโบราณเป็นจำนวนมากที่ก้นสระและได้นำไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเคียงจูไว้ให้นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีได้ชมกัน


ป่าเกเยอริม (Gyerim Forest) หรือ ป่าไก่ (Chicken) เป็นสถานที่พักผ่อนและดื่มด่ำกับบรรยากาศ ในบริเวณนี้มีศาลาแบบโบราณ 1 หลัง มีทัศนียภาพที่สวยงามเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกัน


ถ้ำช็อคบิงโก (Seokbinggo Stone Ice Storage) เป็นถ้ำเล็กๆ ที่เจาะเข้าไปในเนินเขาข้างในบุด้วยหินปูนเพื่อให้เก็บความเย็นได้ เป็นถ้ำที่ใช้เก็บน้ำแข็งในยุคโบราณ มีประตูเหล็กปิดอยู่ไม่ให้เข้าไปชมภายใน แต่สามารถชะโงกดูตรงประตูเหล็กได้



วัดบุลกุกซา (Bulguksa Temple) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 535 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของดินแดนแห่งธรรมะ โครงสร้างของวัดเป็นแบบโบราณสไตล์เกาหลี มีโบสถ์ขนาดเล็กอยู่ตรงกลางและเป็นที่ประดิษฐานของพระประธาน ซึ่งห้ามนักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีถ่ายรูป บริเวณโดยรอบจะเป็นวิหารสี่เหลี่ยมซึ่งเป็นที่เก็บสิ่งของต่างๆ มีเจดีย์ Seoktap กับเจดีย์ Debotap ตั้งอยู่ที่ลานรอบโบสถ์ วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1995 ถ้าใครไปเที่ยวช่วงดอกซากุระบานจะเห็นรอบๆ วัดเต็มไปด้วยดอกซากุระบานสะพรั่งสวยสดงดงามมาก เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดชม



ถ้ำซ็อคคูรัม (Seokguram Grotto) ตั้งอยู่บนยอดเขาโทฮัมซาน (Mount Tohamsan) สร้างโดยการนำก้อนหินแกรนิตขึ้นไปวางทับซ้อนกันจนกลายเป็นถ้ำ เวลาผ่านไปทำให้สภาพกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติเหมือนถูกหินถล่มลงมาทับ ภายในมีพระศากยมุนีที่สลักขึ้นจากหินแกรนิตสีขาว ประดิษฐานอยู่ ล้อมรอบด้วยพระโพธิสัตว์และเทพยดา ทางประตูเข้าถ้ำจะมีป้ายหินสลักชื่อวัดที่บอกชัดเจนว่าที่นี่เป็นมรดกโลก



วันนี้ท่านได้รู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวโบราณสถานหลายแห่ง หวังว่าการมาเที่ยวเมืองเคียงจูจะทำให้ท่านประทับใจและได้ประสบการณ์ใหม่ๆ แปลกๆ กลับไปเล่าให้ลูกหลานฟัง 


Credit : panoramio.com , wikimedia.org , topicsinkoreanhistory.com , tripadvisor.com , tong.visitkorea.or.kr

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เกาะเชจูกับทัวร์เกาหลี

ท่านที่ชื่นชอบดูซีรี่ส์เกาหลี ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีนิยมไปเที่ยวมากที่สุด นั่นคือ  "เกาะเชจู" ซึ่งมีธรรมชาติอันงดงาม โดยเฉพาะ ภูเขาไฟ  ทะเล น้ำตก หินผา พืชพันธุ์ไม้ต่างๆ จนได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติขององค์การยูเนสโก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 และได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งใหม่ของโลกอีกด้วย

เกาะเชจู  (Jeju Island) อยู่ทางตอนใต้ของโซลเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี แต่ก็เป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในบรรดา 9 จังหวัดของเกาหลีเช่นกัน มีขนาด 1,848 ตารางกิโลเมตร มีประชากรอยู่เพียงห้าแสนกว่าคน ในขณะที่มีนักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีมากถึงปีละกว่า 4 ล้านคน เรามาดูกันว่าสถานที่ท่องเที่ยวในเกาเชจูมีอะไรบ้าง


1. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Hanwha Aqua Planet Jeju) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ทัวร์เกาหลีต้องมาเยือน เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางทะเลเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลที่จัดแสดงไว้ให้ชมอย่างสวยงาม มีการจัดการแสดงของสัตว์น้ำให้ชมอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีอุโมงค์ใต้น้ำให้ท่านได้เดินชมการใช้ชีวิตของสัตว์น้ำใน่ระดับน้ำลึกประมาณ 80 เมตร เสมือนท่านไปอยู่ใต้น้ำเอง รับรองว่าตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน


2. ทัวร์เรือดำน้ำซกวิโพ (Seogwipo Submarine) เป็นกิจกรรมหนึ่งของเกาะเชจู ที่พานักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีดำน้ำเพื่อสำรวจโลกใต้ทะเลที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำหลากหลายชนิด หรือท่านที่ไม่สะดวกที่จะลงไปดำน้ำ ก็สามารถทัวร์เรือดำน้ำซอกวิโพ ซับมารีน ที่พาท่านสำรวจโลกใต้น้ำอย่างสนุกสนาน ท่านจะได้เห็นความงดงามของเกาะเชจูใต้น้ำ นอกจากจะมีปลาหลากหลายสายพันธุ์แล้ว ยังมีปะการัง รวมทั้งซากเรือที่จมอยู่ใต้น้ำด้วย



3. หมู่บ้านวัฒนธรรมซองอับ (Seongeup Folk Village) เป็นหมู่บ้านที่สร้างด้วยหินหลังคามุงด้วยฟาง ล้อมรั้วด้วยแนวกำแพงหินแบบโบราณ เป็นลักษณะเฉพาะของเกาะเชจู ท่านจะได้ชมวิถีชีวิตของชาวพื้นเมืองอย่างแท้จริง



4. พิพิธภัณฑ์ชาโอซุลลิค (O’Sulloc Green Tea Farm and Museum) เป็นสถานที่จัดแสดงประวัติความเป็นมาของการปลูกชาเขียวคุณภาพสูง ท่ามกลางทัศนียภาพอันสวยงามของไร่ชา มีการแสดงเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการชงชา ถ้วยชา และยังมีชาให้นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีได้ลองชิม มีร้านขายของฝากที่ทำจากชา เช่น ชาผง ชาปรุงรสสำเร็จรูป  และสมุนไพรต่างๆ



5. น้ำตกซอนจิยอน (Cheonjeyeon Falls) เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาเป็นสายยาวจากหน้าผาในป่าลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่างอย่างสวยงามทำให้นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปในป่าธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เพื่อสัมผัสกับสายน้ำที่ใสเย็นและสวยงามแห่งนี้


6. อุทยานแห่งชาติภูเขาฮัลลาซาน (Hallasan National Park) เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ มีความสูงถึง 1,950 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามทางธรรมชาติที่ติดอันดับที่ 182 ของเกาหลี และยังเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติอีกด้วย



7. ปราสาทแก้ว  (Glass Castle) เป็นปราสาทที่สร้างด้วยแก้วหลากหลายชนิด มีการตกแต่งและจัดแสดงแก้วในรูปแบบต่างๆ ทั้งในร่มและกลางแจ้ง แช่น สะพานแก้ว น้ำตกแก้ว เขาวงกต และปะติมากรรมจากแก้วอีกมากมาย


8. หินปู่ หรือ โทลฮารูบัง (Dol Harubang) เป็นสัญลักษณ์ของเกาะเชจู ที่มีความเชื่อกันว่าจะคอยปกป้องคุ้มครองให้ให้พ้นอันตรายจากภูตผีปีศาจ



9. สวนเชจู เลิฟแลนด์ (Jeju Love Land) เป็นสวนสาธารณะให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษาโดยผ่านงานศิลปะที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสวยงาม แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ  ส่วนที่อยู่กลางแจ้งและส่วนที่อยู่ในร่ม  มีการจัดการแสดงรูปปั้นปะติมากรรมแสดงการร่วมเพศของมนุษย์และเรื่องราวความรักมากกว่า 140 ชิ้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้ใหญ่ที่รักในงานศิลปะ




Credit: panoramio.com , heraldm.com , wikimedia.org , s1.hubimg.com , ieu.ewha.ac.kr , happymize.com , tripadvisor.com , travelpanda.org

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แนะนำสถานที่ช็อปปิ้งเมื่อไปทัวร์สิงคโปร์

ก่อนที่ท่านจะไปทัวร์สิงคโปร์ ขอแนะนำให้รู้จักสถานที่ช็อปปิ้งให้ทราบพอสังเขปสำหรับขาช็อปทั้งหลาย ถ้าจะไปเองก็ได้นะไม่ต้องอาศัยไกด์ทัวร์สิงคโปร์พาไป เพราะที่ประเทศสิงคโปร์พ่อค้า-แม่ค้าพูดภาษาอังกฤษได้ สำเนียงดีแบบฝรั่งเลย

สถานที่สุดฮิตแห่งแรกคือ มุสตาฟา เซ็นเตอร์ (Mustafa Centre) เป็นแหล่งช็อปปิ้งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวไทย มีทัวร์สิงคโปร์มาลงเยอะมาก มีสินค้าทุกชนิด เปิด 24 ชั่วโมง สินค้าในห้างราคาถูกที่สุดในสิงคโปร์โดยเฉพาะน้ำหอม เครื่องใช้ไฟฟ้า นาฬิกา เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่า ใครมาช็อปปิ้งที่นี่ได้ของติดไม้ติดมือแน่นอน


ตัวอย่างสินค้าใน มุสตาฟา เซ็นเตอร์

สถานที่ช็อปปิ้งที่ทัวร์สิงคโปร์นิยมพามาช็อปอีกแห่งหนึ่งก็คือ ไชน่าทาวน์ (China Town) เป็นย่านรวม ช็อป กิน เที่ยว ที่คึกคักและพลุกพล่านที่สุดในสิงคโปร์ เป็นแหล่งช็อปปิ้งระดับชาวบ้าน มีทั้งสินค้าหัตถกรรม เสื้อยืด เครื่องใช้ไฟฟ้า และมีสินค้าชั้นนำจากเมืองจีน ที่นี่สามารถต่อรองราคาได้ 


แหล่งช็อปปิ้งอีกแหล่งหนึ่งที่ทัวร์สิงคโปร์ชอบพามาช็อปคือ ซันเทคซิตี้ (Suntec City) เป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่อีกแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ รวมสินค้าแบนด์เนมระดับโลกมาไว้ที่นี่ ท่านที่ต้องการไปช็อปที่ไหนก็เลือกเอานะคะหรือจะไปช็อปทั้ง 3 แห่งเลยก็ได้ 



Cr  mustafa.com.sg  ,  orble.com , wikimedia.org

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ทัวร์สิงคโปร์พาไปสระว่ายน้ำลอยฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก

สิงคโปร์เป็นประเทศบนเกาะเล็กๆ ที่มีความแตกต่างที่ลงตัวทั้งทางด้านวัฒนธรรม ศิลปะ และเทคโนโลยี่ บนเกาะแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวแทบจะทุกมุมของประเทศเลยก็ว่าได้ จึงเป็นสีสันของทวีปเอเชีย เป็นปากอ่าวต้อนรับนักท่องเที่ยวทัวร์สิงคโปร์ มีสถานที่แห่งหนึ่งที่อลังการระดับโลกเลยทีเดียว นั่งก็คือ สระว่ายน้ำลอยฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกของสิงคโปร์

สระว่ายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ เดอะ แซนตัส สกาย ปาร์ค ของมารีนา เบย์ แซนตัส คาสิโนรีสอร์ท มีความยาว 150 เมตร สร้างจากสแตนเลสน้ำหนัก 400,000 ปอนด์ (181 ตัน) บรรจุน้ำได้ถึง 380,000 แกลลอล (1,440 ลูกบากศ์เมตร)  บนดาดฟ้ารูปทรงคล้ายเรือ ที่ชั้น 55 ทอดตัวโค้งเป็นแนวยาว 340 เมตร บนความสูง 200 เมตร บนอาคารทั้งสามของรีสอร์ทพื้นที่ทั้งหมด 12,400 ตารางเมตร หรือ ประมาณ 3 สนามฟุตบอลเรียงกัน รองรับแขกพร้อมนักท่องเที่ยวทัวร์สิงคโปร์ ได้ถึง 3,900 คน


บริเวณใกล้เคียงกับสระว่ายน้ำที่เป็นหัวเรือยื่นออกมา จัดเป็นสวนร่มรื่นประกอบไปด้วยต้นไม้มากกว่า 250 ชนิด และพืชสมุนไพรหลากหลายชนิด มีร้านขายของที่ระลึก ภัตตาคารหรูลอยฟ้า สปา เลาน์จ และไนท์คลับ มีพื้นที่ชมวิวขนาดใหญ่สัมผัสทิวทัศน์ได้ 360 องศา จนได้ชื่อว่า เป็นจุดชมวิวที่ยื่นออกจากตัวอาคารขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยสามารถรองรับผู้เข้าชมหรือทัวร์สิงคโปร์ได้มากถึงครั้งละ 900 คน ส่วนนี้ต้องเสียค่าชมวิวคนละเกือบ 450 บาท


สำหรับคาสิโนรีสอร์ทแห่งนี้มีห้องพักไว้รับรองนักท่องเที่ยวทัวร์สิงคโปร์ทั้งหมด 2,560 ห้อง ภายในประกอบไปด้วย พิพิธภัณฑ์ศิลปะและวิทยาศาสตร์ โรงภาพยนตร์ ช็อปปิ้งมอลล์ ภัตตาคาร คลองในร่มมีเรือพาชมภายในอาคาร พาอิเลี่ยนลอยน้ำ ศูนย์การประชุม และที่สำคัญมีศูนย์คาสิโนขนาดใหญ่ หากท่านต้องการไปทัวร์สิงคโปร์ ไม่ควรพลาดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ที่เป็นเสน่ห์ของประเทศสิงคโปร์ 

Cr.   dailymail.co.uk  ,  cdni.condenast.co.uk/

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ศาลเจ้า Sumiyosha Taisha-ทัวร์ญี่ปุ่น

ศาลเจ้า สุมิโยชิ ไทชะ (Sumiyosha Taisha) เป็นศาลเจ้าชินโตที่ชาวโอซาก้าให้ความนับถือมากที่สุด อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางใต้ โดยนั่งรถไฟหรือรถราง ประมาณ 10-15 นาที ช่วงระหว่างปีใหม่ของทุกปี จะมีทัวร์ญี่ปุ่นเข้ามาเที่ยวชมและขอพรเป็นจำนวนมาก สาเหตุที่มีทัวร์ญี่ปุ่นเข้ามาเที่ยวเป็นจำนวนมาก ก็เพราะว่า นอกจากอาคารศาลเจ้า 4 หลังแล้ว ภายในบริเวณรอบๆ ยังมีศาลเจ้าเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วกว่า 20 หลัง แต่ละหลังเป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้าที่ชาวญี่ปุ่นศรัทธามากว่า 1,800 ปี




ทางเดินเข้าไปยังศาลเจ้า จากปากทางศาลเจ้าที่ 1 ถึงศาลเจ้าที่ 3 จะเรียงกันเป็นเส้นตรง ส่วนศาลที่ 4 จะอยู่ด้านข้าง เสมือนกับกองเรือที่ฝ่ามรสุมกลางมหาสมุทร การจัดเรียงศาลแบบนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่หาดูได้ยาก ยังมีเอกลักษณ์ทางด้านสถาปัตยกรรมอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น เสาที่ค้ำยันตัวศาลมีสีแดงสด กำแพงไม้ลงรักสีขาว หลังคามุงด้วยหญ้า มีเสาโทริอิและสะพานโค้งสีแดงสดทอดข้ามคลองเข้าไปยังเขตศาลเจ้าใหญ่ สะพานสร้างด้วยไม้มีบันไดสูงชัน เชื่อกันว่าถ้าใครเดินข้ามสะพานไปได้โดยไม่สะดุด จะเป็นผู้ที่โชคดีและถือว่าได้ชำระสิ่งไม่ดีออกจากร่างกายแล้ว ยังมีตะเกียงหินรอบๆ ศาลเจ้ากว่า 260 ตะเกียง







เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิที่มีซากุระเบ่งบานและฤดูใบไม้ร่วงที่มีใบไม้เปลี่ยนสี นักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่น จะได้ชมการจัดพิธีแต่งงานตามธรรมเนียมญี่ปุ่นแบบโบราณ พอถึงเทศกาลวันเด็กนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นก็จะได้ชม พิธีการขอพรให้ลูกหลานที่มีอายุ 3 ปี 5 ปี และ 7 ปี ให้มีสุขภาพแข็งแรง สติปัญญาดี โดยการแต่งชุดกิโมโน เมื่อขอพรเสร็จพ่อแม่ผู้ปกครองก็จะซื้อลูกอมพันปีให้เป็นของขวัญ ทำให้ศาลเจ้าคึกครื้นและมีสีสัน


เมื่อชมศาลเจ้าและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ก่อนกลับคณะทัวร์ญี่ปุ่นแวะชมสวน สุมิโยชิ ที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฝั่งตรงข้ามกับทางออกของศาลเจ้า ชมดอกซากุระบานเต็มสวนดูสวยงามมาก นักท่องเที่ยวควรหาโอกาสไปเยือนศาลเจ้าแห่งนี้สักครั้งแล้วท่านจะรู้ว่าศาลเจ้าแห่งนี้สวยขนาดไหน


Credit : travel.thaiza.com  ,  panoramio.com  ,  japanvisitor.com