วันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ทัวร์เกาหลีแนะนำ 2 วัดที่ต้องไป

ประเทศเกาหลีใต้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแห่ง สถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ เที่ยวแบบค้นคว้าศึกษาทางประวัติศาตร์ หรือไม่ก็ไปล่องเรือ แต่ถ้าเป็นสุภาพสตรีจุดประสงค์ใหญ่ คือ การได้มาช็อปปิ้ง หรือเป็นผู้สูงวัยก็จะไปไหว้พระตามวัดต่างๆ และที่เกาหลีมีวัดอยู่ 2 แห่ง ที่อาจจะยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวสนใจมากนัก แต่คนเกาหลีนับถือมาก ลองตามมาดูกัน

1.วัดมาก๊กซา (Magoksa Temple) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ส่วนกลางของเกาหลีใต้ เป็นวัดเก่าแก่อยู่ริมแม่น้ำ แทกึก สร้างขึ้นเมื่อ ..643 โดย Jajan ซึ่งเป็นพระสงค์ในสมัยอาณาจักรซิลล่า เป็นการรวบรวมเอาสถาปัตยกรรมผสมผสานหลายอาณาจักรตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นวัดที่ทัวร์เกาหลีให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จัก ภายในวัดนี้มีความเก่าแก่และสวยงาม จึงทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังยื่นเรื่องขอจากยูเนสโก้เพื่อให้เป็นมรดกโลก


วัดมาก๊กซา


บรรยากาศภายในวัด

มาถึงวัดระหว่างเดินเข้าไปภายในวัดจะได้ยินเสียงสวดมนต์ ตรงสะพานที่มีโคมไฟติดตลอดทางเพื่อเดินเข้าไปในวัด คนที่นี่เชื่อกันว่า การเดินข้ามสะพานโคมไฟ คือ การเดินจากโลกมนุษย์เข้าไปสู่สรวงสวรรค์ สองข้างทางจะมีภาพการ์ตูนรูปเทพเจ้าต่างๆ ระหว่างเดินข้ามสะพานให้ทุกท่านตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากเทพเจ้า ส่วนใต้สะพานจะมีรูปปั้นเต่า 2 ตัวที่เป็นสัญลักษณ์อายุยืนยาว นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีสามารถโยนเหรียญลงไปให้โดนตัวเต่าแล้วอธิษฐานให้อายุยืนยาว จะโยนใส่ตัวไหนก็ได้ 


สะพานโคมไฟ

จากนั้น เดินขึ้นเขาเพื่อไปชมป้อมปราการที่มีชื่อว่า คงซานซอง (Gongsanseong Fortress) ซึ่งอยู่บนเขาริมฝั่งแม่น้ำคึมกัง เมืองคงจู และมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า อินจึงซง (Unjinseong) แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นกำแพงดิน และส่วนที่เป็นกำแพงหินภายในบริเวณป้อมปราการมีระตำหนัก สระน้ำ และอุทยาน หลายท่านอาจจะรู้จักป้อมปราการแห่งนี้จากภาพยนตร์ เพราะเคยใช้เป็นฉากหลังให้กับภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เกาหลีมาแล้วหลายเรื่อง ความเป็นอมตะของป้อมปราการจึงทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก


ป้อมคงซานซอง

2.วัดซันบังกันซา (Sanbanggulsa Temple) ตั้งอยู่บนเขาซันบัง ที่เกาะเซจูและอยู่ไม่ไกลจากวัดโบมุนซา วัดนี้เป็นเป็นวัดอันดับต้นๆ ที่ถือว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ คณะทัวร์เกาหลีที่มาเที่ยวที่นี่ เดินขึ้นไปยังวัดได้ใช้เวลา 10-15 นาที ระหว่างการเดินขึ้นไปจะได้ยินเสียงสวดมนต์ตลอดทาง ด้านหลังของวัดจะเห็นภูเขารูปทรงกลมที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกเกิดภูเขาไฟระเบิดมีลาวาไหลออกมาเกิดการแข็งตัวของลาวาเป็นริ้วรอนภูเขาดูแปลกตา บนวัดจะเห็นพระสังกระจายสีขาว นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีต้องการขอพรให้ใช้มือขวาไปลูบที่ท้องแล้วกำมาใส่กระเป๋าเหมือนเอาเงินเอาทองกลับไปด้วย ส่วนด้านข้างจะเป็นเจ้าแม่กวนอิม สำหรับคนที่นี่ที่นับถือเจ้าแม่กวนอิม จะไม่ห้ามกินเนื้อวัวเพราะถือว่ากินเนื้อวัวแล้วทำให้ร่างกายแข็งแรง 


วัดซันบังกันซา

ภูเขาด้านหลังวัด

ไฮไลท์สำคัญของที่นี่ คือ พระใหญ่ที่หล่อด้วยทองสำริดมีหม้อยาวางไว้ที่ฝ่ามือ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการรักษาสุขภาพ นักท่องเที่ยวส่วนมากมาของพรให้สุขภาพแข็งแรงมีอายุยืนยาว ขอพรเสร็จให้ไปหมุนระฆัง เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป รับแต่สิ่งดีๆ เข้ามา ซึ่งมีทั้งหมด 84 ลูก ที่ตัวระฆังจะมีบทสวดมนต์เขียนไว้รอบระฆัง การทำบุญโดยการซื้อข้าวสารเขียนชื่อแล้วถวายองค์พระ

พระใหญ่ทองสำริด

นอกจากนี้ หากเดินทางมาถึงเกาะเซจูแล้ว แนะนำให้แวะไปที่ ไร่ชาเขียว O SULLOC เป็นไร่ชาเขียวที่มีขนาดใหญ่และมีชื่อที่สุดของเกาหลี นักท่องเที่ยวทัวร์เกาหลีที่มาเที่ยวเกาะเซจูต้องไม่พลาดมาที่นี่เพื่อรับประทานไอศครีมรสชาเขียวและขนมหวานที่ทำมาจากชาเขียว รวมไปถึงเครื่องดื่มอื่นๆ เนื่องจากชาจากไร่ O SULLOC มีคุณภาพสูงจึงมีรสขมนิดๆ แต่มีกลิ่นหอมจึงไม่เป็นอุปสรรคในการรับประทานของทุกท่าน อย่าลืมแวะร้านขายใบชาระดับพรีเมี่ยมที่มีชามากมายหลายชนิด ตอบโจทย์สำหรับคนชอบดื่มชาโดยเฉพาะ เพราะที่นี่เป็นไร่ชาเขียวที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกาะเซจู ท่านใดที่ต้องการหาของฝากให้กับผู้ใหญ่ ขาเขียวจากที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ไม่ผิดหวังแน่นอน

ไร่ชาเขียว O SULLOC

ไร่ชาเขียว O SULLOC


ไอศกรีมชาเขียว และขนมโรลชาเขียว

Cr. tour.gongju.go.kr , 
res.heraldm.com , tripadvisor.com , i.imgur.com

วันอาทิตย์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ทัวร์ฮ่องกงพาช้อปตลาดค้าหยก

หยก ไม่เป็นเพียงแค่เครื่องประดับของชาวฮ่องกงเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องรางของขลังที่มีความสัมพันธ์เรื่องของอายุที่ยืนยาว ช่วยเสริมดวง และเสริมสุขภาพที่ดีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แม้แต่เด็กแรกเกิดก็จะได้รับกำไลหยกเพื่อเป็นของขวัญในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ธุรกิจการค้าหยกที่ฮ่องกงที่คึกคักที่สุดจะอยู่ที่ ตลาดค้าหยก ซึ่งจะมีหยกให้นักท่องเที่ยวทัวร์ฮ่องกงได้ชื่นชมและเลือกซื้อกันอย่างจุใจ


ตลาดค้าหยก

ตลาดค้าหยก (Hong Kong Jade Market) ตั้งอยู่ในย่าน Yau Ma Tai บริเวณ Kansu Street ตัดกับ Battery Street ที่นี่เป็นตลาดค้าหยกที่คึกคักที่สุด มีร้านค้ามากกว่า 100 ร้าน มีแบบมากมายหลากหลายเกรดให้เลือกซื้อ ชอบร้านไหนก็เข้าไปสอบถามราคากันได้ ส่วนการต่อรองก็อยู่ที่ความสามารถของแต่ละท่าน สีของหยกก็มีหลายสี เช่น สีเขียว สีเขียวเข้ม สีเหลือง สีน้ำตาล และสีขาว หยกที่มีคุณภาพดี ต้องมีสีเขียวบริสุทธิ์ แต่จะหายาก ราคาค่อนข้างสูง 

หยกสีต่างๆ

ที่ตลาดค้าหยกแห่งนี้ ส่วนใหญ่จะจำหน่ายหยกประเภทเครื่องประดับในแบบต่างๆ เช่น แหวน ต่างหู จี้ กำไล สร้องคอ รูปปั้นต่างๆ และของตกแต่งบ้าน ทัวร์ฮ่องกงที่มาเที่ยวส่วนใหญ่จะซื้อเครื่องรางของขลังและของที่ระลึกเพื่อเป็นของฝาก การเลือกซื้อหยกควรดูให้ดีเนื่องจากมีบางร้านนำควอตซ์ย้อมสีมาปลอมแปลงเป็นหยกเพื่อหลอกขายนักท่องเที่ยวทัวร์ฮ่องกงในราคาแพง จึงขอแนะนำการเลือกซื้อให้ได้ของแท้มีวิธีทดสอบ ดังนี้

หยกรูปแบบต่างๆ
  • วิธีที่ 1 นำหยกสองชิ้นมาเคาะดู ถ้าเป็นหยกแท้เสียงใสดังกังวาน การเคาะหยกต้องระมัดระวัง เพราะหยกแท้เนื้อจะค่อนข้างแตกง่าย

  • วิธีที่ 2 นำไปส่องไฟดู หยกแท้จะมองทะลุได้ ไม่ขุ่นมัว

  • วิธีที่ 3 นำหยกไปขูดกับกระจกดูว่าเป็นรอยหรือไม่ ถ้าขูดแล้วมีรอย แสดงว่าเป็นหยกแท้

  • วิธีที่ 4 นำเส้นผมมาพันกับหยก แล้วจุดไฟลนที่เนื้อหยก หยกจะร้อนขึ้น สังเกตดูเส้นผมถ้ายังปกติดี แสดงว่าเป็นหยกแท้

  • วิธีที่ 5 ใช้วิธีสัมผัส โดยใส่ไว้ในมือแล้วกำไว้สักครู่ ถ้ายังรู้สึกเย็น แสดงว่าเป็นหยกแท้ ธรรมชาติของเนื้อหยกจะมีความเย็นตลอดเวลา
หยกสำหรับเป็นเครื่องประดับ

เป็นที่ทราบกันดีว่า หยกเป็นเครื่องประดับที่ชาวจีนชื่นชอบเป็นอย่างมากและอยู่คู่มากับวัฒนธรรมจีนตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเชื่อกันว่า หยกมีพลังพิเศษช่วยให้ผู้สวมใส่รอดพ้นจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆ และยังช่วยรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ดังนั้น ผู้ที่มาทัวร์ฮ่องกงคงไม่พลาดที่จะซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปฝากคนที่ท่านรักและห่วงใย

Cr. youtube.com/ตลาดค้าหยก